Home a1

a1

จุดเริ่มต้น ส่งตัวเทพสงคราม

ใกล้มืดค่ำ

ชายแดนเหนือพื้นที่อากาศหนาวจัด

รถจี๊ปสีเขียวทหารคันหนึ่ง วิ่งผ่านท่ามกลางหิมะสีขาว ทำให้หิมะกระจายตัว คนหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านท้าย ขยี้ตาที่เริ่มแดง

ด้านหลังรถจี๊ปมีกลุ่มคนมากมายที่ใส่เสื้อทหารเหมือนกัน มีมากมายจนมองเห็นไม่ทั่วถึงปลายแถวของผู้คน

ตอนนี้ พวกเขาต่างก็ฝ่ามือแนบชิด นิ้วกลางอยู่กลางขมับเท่ากับความสูงคิ้ว ดวงตาเปียกแฉะ และมองรถจี๊ปที่ห่างออกไปเรื่อยๆ

ส่งตัวเทพสงคราม

ส่งตัวเทพสงคราม

……….

ทันใดนั้น ทุกคนตะโกนพร้อมกัน เหมือนกับคลื่นที่กระทบทีละลูก เสียงดังก้องฟ้า

ชายหนุ่มที่ขับรถ มีชื่อว่าหม่าชาว มองดูชายหนุ่มในกระจกมองหลังด้วยดวงตาแดงก่ำและพูดด้วยความฝืนใจ จอมพลครับ ท่านจะจากไปจริงๆหรอครับ

ชายหนุ่มมีชื่อว่าหยางเฉิน เข้าร่วมกองพลทั้งหมด 5 ปีเต็ม และสร้างผลงานที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้

อายุ 27 ปี เป็นจอมพลที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมา เฝ้าดูแลพื้นที่ของชายแดนเหนือจิ่วโจว

เมื่อขึ้นเป็นจอมพล ก็ยิ่งมีผลงานนับไม่ถ้วน ฉายานามว่าเทพสงครามผู้ชนะ

ชายแดนเหนือในตอนนี้ กลายเป็นเมืองที่มิอาจมีใครสู้ได้แล้ว ยังจะมีใครกล้ามาทำสงครามด้วยอีกงั้นหรอ

หยางเฉินพูดจบ ก็เอารูปภาพที่ใส่เสื้อสีขาวพื้นหลังสีแดงออกมา เป็นรูปแต่งงานของใบทะเบียนสมรส

ในรูปคือเขาและหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยสมบูรณ์คนหนึ่ง หญิงสาวดูแล้วอายุประมาณ 20 ต้นๆ ผมยาวๆถูกมัดหางม้าไว้ลวกๆ ดวงตาคม จมูกเป็นสัน ปากอวบอิ่ม มองดูแล้วยังสวยกว่าพวกดาราด้วยซ้ำ

แต่ว่า เธอที่อยู่ในรูป ใบหน้านั้นดูไม่พอใจ

ฉินซี เธอสบายดีมั้ย

หยางเฉินจ้องมองหญิงสาวในรูปแล้วพึมพำเบาๆ

มองดูรูปคู่ที่มีเพียงใบเดียวของพวกเขา มุมปากเขายกยิ้มแสดงออกถึงความสุข ความคิดได้คิดย้อนกลับไปยังอดีต

5 ปีก่อน ฉินซีที่เพิ่งจะขึ้นปีสี่ ได้ก่อตั้งซานเหอกรุ๊ปขึ้นมาเองกับมือ กลายเป็นประธานสาวคนสวยที่ทุกคนในเจียงโจวรู้จัก

ในช่วงเวลาตอนที่ซานเหอกรุ๊ปเติบโตได้ดีที่สุด เธอเจอเข้ากับการลอบทำร้าย ถูกวางยา และเกิดมีความสัมพันธ์กับรปภ.ของซานเหอกรุ๊ป

และรปภ.ที่ โชคดี คนนี้ก็คือหยางเฉิน

สาวสวยอันดับหนึ่งของเจียงโจว มีความสัมพันธ์ข้ามคืนกับรปภ.ของบริษัท

หยางเฉินและฉินซียังไม่ทันเดินออกจากโรงแรม ก็กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งของเจียงโจวไปแล้ว มีสำนักข่าวมากมายเผยแพร่ข่าว

เพียงไม่นาน บุคคลอันดับต้นของเจียงโจวจนถึงประชาชนทั่วไป ก็รับรู้ว่าคนสวยอันดับหนึ่งของเจียงโจวนอนกับรปภ.ของบริษัท

เพียงคืนเดียว หุ้นของซานเหอกรุ๊ปก็ลดลงอย่างมาก

เพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด คนในตระกูลฉินมาหาหยางเฉิน เพื่อให้เขาแต่งเข้าบ้าน

ข่าวที่ทั้งสองคนแต่งงาน ถูกแพร่สะพัด เพียงชั่วครู่ ก็สะเทือนไปทั่วเจียงโจว ส่วนตระกูลฉิน ก็กลายเป็นตัวตลกเพราะเหตุนี้

แต่ว่าหลังแต่งได้ไม่นาน หยางเฉินก็หายตัวไปไม่ลา เพื่อรอว่าสักวันเขาจะเป็นคนที่สามารถเหมาะสมกับฉินซี

5 ปีมานี้ เงาที่สวยงามนั้นโผล่มาในสมองของเขาเสมอ เป็นแรงผลักดันให้เขาเดินหน้าสู่ความสำเร็จ

แต่ว่า ทุกครั้งที่คิดถึงผู้หญิงคนนี้ ในใจของหยางเฉินก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

…………

หลังจากนั้นสามวัน สนามบินนานาชาติเจียงโจว เครื่องบินโบอิง747ค่อยๆลงจอดสู่พื้นดิน

ในที่สุดก็กลับมาแล้ว

หยางเฉินก้าวเท้าเดินลงบันได ก้าวเข้าสู่พื้นดินของเจียงโจว ใบหน้าแสดงออกถึงรอยยิ้มที่ห่างหายไปนาน

แง้ แม่จ๋า แม่อยู่ไหน

หยางเฉินเพิ่งเดินออกจากสนามบิน ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กสาวคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อยู่ๆในใจเขาก็รู้สึกเกร็ง

จอมพลครับ…..

หม่าชาวกำลังจะพูด แต่ก็ถูกหยางเฉินตัดบท ตั้งแต่วินาทีที่ฉันก้าวออกจากชายแดนเหนือ ฉันก็ไม่ใช่จอมพลอีกต่อไป คำเรียกนี้ ห้ามเรียกอีกเด็ดขาด

มองดูใบหน้าที่จริงจังของหยางเฉิน หม่าชาวก็ตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้ แล้วก็ลองเรียกว่า พี่เฉิน

เห็นหยางเฉินไม่มีปฏิกิริยาตอบรับอะไร เขาถึงได้พูดด้วยรอยยิ้มว่า พี่เฉินครับ เด็กผู้หญิงคนนั้นหน้าตาคล้ายพี่มากเลย คงไม่ได้เป็นญาติกันหรอกใช่มั้ยครับ

หยางเฉินมองไปที่ตัวเด็กสาว แต่สายตาที่มองไปก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายกลับมาได้อีก ความรู้สึกคุ้นเคยพุ่งขึ้นมา

โดยเฉพาะท่าทางที่เด็กสาวร้องไห้ ใจของเขาก็เหมือนจะเจ็บปวดตามไปด้วย

คล้ายว่ารู้สึกเหมือนกัน อยู่ๆเด็กสาวก็หยุดร้องไห้ แล้วมองหยางเฉินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา

ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จ้องตากัน ทำให้หยางเฉินเห็นหน้าตาของเด็กสาวได้ชัดเจนขึ้น ความรู้สึกคุ้นเคยนั้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ใบหน้าเล็กๆที่สวยสมบูรณ์ ผิวพรรณผ่องใสนุ่มนวล ดวงตาโตเป็นประกายวิบวับ ขนตายาวที่มีแต่น้ำตาติดอยู่

เด็กสาวน่าจะอายุประมาณ 4 ขวบ ถึงแม้จะเด็กมาก แต่ก็เป็นสาวน้อยที่สวยงามแล้ว โตแล้วจะต้องเป็นสาวงามมากแน่นอน

พ่อจ๋า

อยู่ๆเด็กน้อยก็ตะโกนขึ้น

หยางเฉินยังไม่ทันรู้สึกตัว เด็กน้อยก็วิ่งเข้ามากอดขาเขาด้วยใบหน้าที่มีความสุข

ผึ่ง

ในตอนนี้ หยางเฉินรู้สึกสมองขาวโพลน

หม่าชาวที่อยู่ข้างๆก็ตกตะลึง ปากขยับพูดขึ้นว่า เด็กคนนี้คงไม่ใช่ลูกสาวของพี่เฉินจริงๆหรอกใช่มั้ยครับ

ผ่านไปสักพัก หยางเฉินถึงจะรู้สึกตัว เขาย่อตัวลง มองดูเด็กสาวที่มองตัวเองด้วยดวงตาเป็นประกาย แล้วก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า สาวน้อย หนูจำคนผิดแล้ว ฉันไม่ใช่พ่อของหนู

แง้

ใครจะรู้ว่าเมื่อหยางเฉินเพิ่งพูดจบ เด็กสาวก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ แล้วก็ร้องไห้และพูดไปด้วยว่า พ่อจ๋าไม่เอาหนูแล้วพ่อจ๋าไม่เอาหนูแล้ว

ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็หันมาดู แล้วก็ต่อว่าหยางเฉิน

เห็นเด็กน้อยร้องไห้อีกครั้ง หยางเฉินรู้สึกเหมือนตัวเองจะใจสลาย ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี

เขาที่เป็นถึงจอมพลของชายแดนเหนือ ทำให้คนกลัวนับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้กลับรู้สึกทำอะไรไม่ถูกต่อหน้าเด็กน้อยอายุ 4-5 ขวบ ถ้ามีข่าวลือออกไปคงจะทำให้ผู้คนตกใจไม่น้อย

สาวน้อย ฉันไม่ใช่พ่อของหนูจริงๆ

แง้…..พ่อจ๋าไม่เอาหนูแล้ว…..

ทุกครั้งที่หยางเฉินอ้าปากพูด สาวน้อยก็จะร้องไห้หนักกว่าเดิม

หลังจากนั้นห้านาที

ในที่สุดหยางเฉินที่เหงื่อท่วมหัวก็ยอมแพ้ แล้วอุ้มสาวน้อยขึ้นมา

ดวงตาโตที่เต็มไปด้วยน้ำตาของสายน้อยจ้องมองหยางเฉิน ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ มือคู่นั้นจับเสื้อของหยางเฉินไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เหมือนกลัวว่าจะทิ้งตัวเองไว้

พี่เฉินครับ ในเมื่อสาวน้อยคนนี้ชอบพี่ขนาดนี้ พี่ก็เป็นพ่อให้เธอจริงๆซะเลยสิครับ

หม่าชาวพูดยิ้มๆ เมื่อเห็นหยางเฉินใช้สายตาคมกริบเหมือนดั่งมีดมองมาที่ตัวเองจึงรีบหุบปากเงียบ

เมื่อไม่มีทางเลือก หยางเฉินก็อุ้มสาวน้อยไปที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยของสนามบิน

สาวน้อยก็ร้องไห้อีกครั้ง แต่หยางเฉินก็ใจแข็งพาหม่าชาวจากมา

แต่เมื่อทั้งสองเพิ่งจากไป หญิงสาวผมยาวคนหนึ่งที่ใส่เสื้อทำงานรัดรูปสีดำก็รีบวิ่งไปยังที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยของสนามบิน

เสี้ยวเสี้ยว

เมื่อเธอเห็นสาวน้อยที่กำลังร้องไห้งอแง ก็น้ำตาไหลทันที รีบพุ่งตัวเข้าไปกอดสาวน้อยไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมืออีก

สำหรับเธอแล้วสาวน้อยก็คือชีวิตของเธอ

ห้าปีก่อนหลังจากที่เธอแต่งงานได้ไม่นาน ก็รู้ตัวว่าท้อง ส่วนผู้ชายคนนั้น อยู่ๆก็หายตัวไป จนคุณแม่บอกกับเธอว่าคนๆนั้นขอเงินจากคุณพ่อไปห้าแสนแล้วก็จากไป

เธอในตอนนั้นรู้สึกอยากฆ่าตัวตาย แต่เมื่อคิดถึงชีวิตน้อยๆที่อยู่ในท้อง เธอจึงพยายามผ่านมาได้

ห้าปีมานี้ เธอโดนดูถูกมากมาย แม้กระทั่งธุรกิจที่ก่อตั้งเองกับมือ ก็ถูกตระกูลแย่งไปในขณะที่เธอกำลังตั้งท้อง ทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพราะผู้ชายคนนั้นทั้งนั้น

เธอเกลียดคนๆนั้น คนที่จากไปโดยไม่ลา ผู้ชายคนที่หายไปห้าปี

แม่จ๋า เสี้ยวเสี้ยวเจอคุณพ่อแล้ว

สาวน้อยพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย จากนั้นก็เบะปากอยากจะร้องไห้อีกรอบ แต่ว่า คุณพ่อไม่เอาหนูแล้ว

ได้ยินคำพูดของสาวน้อย ร่างกายของหญิงสาวผมยาวกระตุกเหมือนถูกฟ้าผ่า ดวงตาเหม่อลอยในทันที

ในตอนนี้ รถ Rolls- Royce สีดำป้ายทะเบียน เจียงA88888 คันหนึ่งก็ค่อยๆจอดลงที่หน้าประตูสนามบิน

ชายวัยกลางคนที่ใส่สูทสีดำคนหนึ่งรีบขยับเข้าไปเปิดประตูรถให้อย่างนอบน้อม

ถ้าภาพนี้ถูกบุคคลชนชั้นสูงของเจียงโจวเห็นเข้าคงจะตะลึง เพราะชายวัยกลางคนคนนี้คือซูเฉิงอู่บุคคลที่รวยอันดับหนึ่งของเมืองเจียงโจว แต่ตอนนี้ กลับต้องมาเปิดประตูให้กับผู้อื่น

จากนั้นก็เห็นคนแก่ผมขาวคนหนึ่งเดินลงมา ใส่เสื้อคอจีนสีกรมท่า ในมือมีไม้เท้าที่สวยหรูอันหนึ่ง ด้านบนของไม้เท้าเหลี่ยมด้วยพลอยสีน้ำเงินที่มีขนาดใหญ่เกือบเท่าไข่ไก่ มองดูแล้วคล้ายจะอ่อนแอ แต่ร่างกายกลับแข็งแรงดีมาก และมีออร่าของความมีอำนาจอยู่ทั่วตัว

นายน้อยน่าจะใกล้ออกมาแล้วสินะ

อยู่ๆคนแก่ก็พูดขึ้น สายตาจ้องมองไปที่ทางออกของสนามบิน

และในตอนนี้เองก็มีร่างของสองคนเดินออกมาตามๆกัน

สายตาคนแก่จ้องมองไปที่ร่างของชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้า ในขณะที่ซูเฉิงอู่กำลังประหลาดใจ คนแก่ก็รีบเดินเข้าไป ทำความเคารพ ก้มหัว ท่าทางเสร็จในรวดเดียว และพูดอย่างเคารพว่า ตระกูลอวี่เหวินแห่งเย็นตู พ่อบ้านหานเทียนเฉิง มารับนายน้อยกลับเย็นตู เพื่อดูแลตระกูลอวี่เหวินครับ

ได้ยินคนแก่บอกที่มาของตัวเอง หยางเฉินก็รู้แล้วว่าคนแก่นี่เป็นใคร

แต่ว่า เมื่อได้ยินคำว่า ตระกูลอวี่เหวิน ความรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาก็หายไปในทันที แล้วมีความโมโหพุ่งขึ้นมาแทนที่

หยางเฉินมองหานเทียนเฉิงอย่างดูถูก ช่างน่าขันเสียจริงๆ เมื่อสิบปีก่อน ฉันและคุณแม่ ถูกไล่ออกจากตระกูล และถูกข่มขู่ว่าทั้งชีวิตนี่ห้ามเข้าไปเหยียบเย็นตูอีก เพียงเพราะว่าฉันเป็นลูกนอกสมรส ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้ส่วนหนึ่งของตระกูลอวี่เหวิน แต่ตอนนี้กลับต้องการให้ฉันไปดูแลตระกูลอวี่เหวิน

สิบแปดปีก่อน ฉันที่อายุเพียงเก้าขวบคุกเข่ากับคุณแม่ที่หน้าบ้านตระกูลอวี่เหวินในคืนฝนตกหนักทั้งคืน พวกนายเคยมีความเห็นใจกันสักนิดมั้ย

ห้าปีก่อน แม่ของฉันป่วยหนัก ฉันที่ไม่มีทางเลือกอะไรแล้ว ไปขอร้องให้ตระกูลอวี่เหวินช่วยเหลือในการรักษา แล้วพวกนายทำยังไง

วันนี้รู้ว่าฉันกลับมาจากชายแดนเหนือด้วยความรุ่งโรจน์ มีอำนาจในมือ ก็เลยอยากให้ฉันไปดูแลตระกูลอวี่เหวิน

กลับไปบอกคนๆนั้น สำหรับฉันแล้ว ตระกูลอวี่เหวิน นับว่าเป็นอะไรกัน ถ้ายังมาวุ่นวายกับฉัน อย่าหาว่าฉันไม่เตือนที่จะให้ฉันต้องไปเย็นตูด้วยตัวเอง

คำพูดพวกนี้ เก็บอยู่ในใจเขามานานหลายปี ประสบการณ์ชีวิตทหารห้าปีมานี้ ทำให้จิตใจเขานิ่งสงบแล้ว และไม่มีอารมณ์ร้อนแน่นอน แต่ตอนนี้ ความทรงจำที่เก็บกดไว้มานาน กลับทำให้ลูกผู้ชายคนนี้ดวงตาแดงก่ำ

หานเทียนเฉิงถอนหายใจยาว เหมือนกับคิดไว้แล้วว่าจะเป็นอย่างนี้ เยี่ยนเฉินกรุ๊ปจะมาปักหลักที่เจียงโจวในเร็วๆนี้ ในตอนที่แม่คุณยังอยู่เย็นตู นี่คือชื่อที่แม่ของคุณใช้ชื่อของคุณและเธอมารวมกัน อาศัยแค่เพียงกำลังของตัวเอง พยายามก่อตั้งธุรกิจมาได้ ตอนนี้แม่ของคุณก็ได้จากไปแล้ว ดังนั้นเยี่ยนเฉินกรุ๊ปก็ควรจะคืนให้กับคุณ

หยางเฉินหัวเราะเย็นชา และแก้ไขให้ถูกว่า ไม่ใช่ตระกูลอวี่เหวินคืนให้ฉัน แต่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปมันเป็นของแม่ฉันมาตั้งแต่แรก แค่เพียงเคยถูกพวกนายแย่งไปอย่างไร้จิตสำนึก

เพิ่งพูดจบ หยางเฉินก็ก้าวเดินจากไป

ตระกูลอวี่เหวิน ทำผิดต่อพวกคุณจริงๆ

มองดูแผ่นหลังที่จากไปของเขา หานเทียนเฉิงเศร้าหมอง จากนั้นก็สั่งซูเฉิงอู่ที่อยู่ข้างกายว่า เสี่ยวซู ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายจะต้องคิดทุกวิถีทางที่นายสามารถทำได้ไปช่วยเหลือนายน้อย

ได้ยินอย่างนี้ ซูเฉิงอู่พูดอย่างเคารพ ท่านหานครับ หากไม่มีท่าน ก็ไม่มีซูเฉิงอู่ในวันนี้ ท่านสบายใจได้ ผมจะช่วยเหลือนายน้อยอย่างเต็มกำลังแน่นอนครับ

แล้วอยู่ๆหานเทียนเฉิงก็พูดขึ้นอีกว่า ใช่สิ นายน้อยแต่งงานตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้ว ในเมื่อตอนนี้นายน้อยกลับมาแล้ว นายก็ไปแสดงความเคารพตระกูลฉินแทนตระกูลอวี่เหวินหน่อยนะ

ครับผม

………..

แท็กซี่คันหนึ่งกำลังค่อยๆเคลื่อนตัว หยางเฉินที่นั่งอยู่ด้านหลัง ความคิดนึกย้อนไปถึงอดีต

ในคืนที่ในตกหนักในปีนั้น ในใจเขาก็ปิดกั้นตระกูลอวี่เหวินแล้ว ห้าปีก่อน แม่ของเขาที่อาการป่วยสาหัส และหยางเฉินในตอนนั้นก็เพิ่งเรียนจบ ไม่มีเงินติดตัว และเจอเข้ากับการถูกลอบวางแผนให้มีสัมพันธ์ข้ามคืนกับฉินซีพอดี

ตระกูลฉินให้หยางเฉินแต่งเข้าบ้านเพื่อชื่อเสียงของตระกูล เพื่อให้แม่เขาได้รักษาอาการป่วย เขาจึงตอบตกลง และขอเงินจากตระกูลฉินห้าแสน แต่ยังไม่ทันที่เงินนี้จะส่งถึงโรงพยาบาล แม่ของเขาก็จากไปซะก่อน และไม่ได้เจอแม้กระทั่งครั้งสุดท้ายด้วยซ้ำ

หลังจากที่แม่เสีย หยางเฉินแต่งเข้าตระกูลฉินตามที่ตกลงกันไว้ แต่เขารู้ตัวว่าไม่เหมาะกับฉินซีที่เขาแอบชอบมานาน หลังจากแต่งงานไม่นาน ก็สมัครเกณฑ์ทหารและจากไป

การจากลาครั้งนี้มากถึงห้าปี

หน้าประตูลานกว้างที่เก่าแก่แห่งหนึ่ง มีรถ Maybach ใหม่เอี่ยมคันหนึ่งจอดอยู่

หยางเฉินมองดูรถหรูราคาแพง แล้วยิ้มอ่อน ดูแล้ว บ้านฉินซี จะถูกให้ความสำคัญจากตระกูลฉินมากขึ้นกว่าเมื่อห้าปีก่อน พ่อตาถึงกับขับรถหรูราคา 3-4 ล้านหยวนแล้ว

มาถึงบ้านตระกูลฉินอีกครั้ง ในใจหยางเฉินเองก็รู้สึกสับสนมาก เรื่องเมื่อห้าปีก่อน ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ถูกกระทำเหมือนกัน แต่ยังไงซะเขาก็ได้ครอบครองครั้งแรกของเธอ หญิงสาวคนที่มีฉายาว่าคนสวยอันดับหนึ่งของเจียงโจว

ห้าปีก่อนที่จากไปโดยไม่ลาหลังจากที่เพิ่งแต่งงาน ไม่ว่ายังไง นี่ก็เป็นความผิดของเขาทั้งนั้น

ไม่พูดก็รู้ว่าหลายปีมานี้ ฉินซีจะต้องแบกรับคำนินทาให้ร้ายมากมายแค่ไหน

แต่เขาในตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยมาก มีเพียงแค่เกณฑ์ทหารเท่านั้น ที่พอจะมีทางเทียบเท่ากับฉินซีได้ ในวันนี้ เขาประสบความสำเร็จแล้ว มีอำนาจและสินทรัพย์มากมายอยู่ในมือ ในที่สุดเขาก็มีสิทธิ์บอกกับทุกคนแล้วว่าเขาเหมาะสมกับฉินซี

เดินมาถึงหน้าประตูลานกว้าง หยางเฉินยกมือ กำลังจะเคาะประตู มือก็นิ่งค้างในทันที บทสนทนาที่ลอยเข้าหูมาจากลานกว้าง

เสียงของคุณแม่ฉินดังขึ้น เสี่ยวหวัง ตอนนี้ป้ากำลังยื่นขอใบมรณบัตรของไอ้ขยะนั่น นายอย่าเพิ่งใจร้อนนะ รอใบมรณบัตรของไอ้ขยะนั่นทำเสร็จเรียบร้อย เสี่ยวซีก็จะกลับสู่สถานะโสดแล้ว

คุณพ่อฉินก็พูดต่อว่า ถึงตอนนั้น ลุงฉิน จะเป็นคนแรกที่ตกลงเรื่องแต่งงานของนายกับเสี่ยวซีเอง

ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณคุณลุงคุณป้ามากนะครับ แต่ว่าทางฝั่งเสี่ยวซีก็รบกวนพวกท่านด้วยนะครับ

เสี่ยวหวัง นายสบายใจได้เลย เสี่ยวซีจะต้องตกลงแน่นอน

งั้นก็รบกวนคุณลุงคุณป้านะครับ ใช่สิ คุณป้าครับ นี่เป็นรังนกแท้บริสุทธิ์ที่ผมฝากเพื่อนนำเข้ามาจากต่างประเทศ คุณลุงครับ นี่คือหยกพระชั้นยอดที่ผมนำกลับมาให้คุณลุงด้วยตัวเองจากประเทศพม่าครับ

…………

ในลานกว้างของบ้านตระกูลฉิน เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของคุณพ่อฉินและคุณแม่ฉิน สีหน้าของหยางเฉินเองก็แปรปรวน

แต่แค่เพียงคิดถึงคนที่เขาไม่สามารถลืมได้ เขาก็พยายามเก็บกดอารมณ์โมโหไว้ ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นคนที่ทำผิดต่อฉินซี

ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ที่กลับมา ก็เพื่อเธอ

ตึง ตึง ตึง

หยางเฉินจับที่เคาะประตู แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

ใครกัน

เหมือนกับว่าเสียงเคาะประตูไปขัดขวางความสุข เสียงของคุณแม่ฉินเต็มไปด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ยิ่งอยู่ยิ่งใกล้เข้ามา

คุณแม่ฉินเปิดประตู รอยยิ้มที่ยังหลงเหลืออยู่บนใบหน้า เมื่อเห็นเข้ากับคนที่ไม่อยากจะเจออีกตลอดชีวิต ท่าทางก็เปลี่ยนไปในทันทีเหมือนกับว่าเห็นผี พูดขึ้นอย่างตกใจและโมโห นาย…..นายคือหยางเฉิน

ห้าปีที่ไม่เจอ คุณแม่ฉินก็ยังเหมือนเดิม รูปลักษณ์ก็ดูจะไม่เปลี่ยนแปลง

ประสบการณ์ชีวิตทหารมาหลายปี ถึงแม้ว่ารูปร่างของหยางเฉินจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก แต่ท่าทางจิตวิญญาณกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่ในสายตาของคุณแม่ฉิน หยางเฉินนั้นก็เหมือนกับเป็นคนที่ตายไปแล้ว จึงทำให้เธอที่เจอกับหยางเฉินอีกครั้งทั้งตกใจและโมโห

แม่ครับ ผมเองครับ

ใบหน้าหยางเฉินเผยรอยยิ้มที่เป็นมิตร การกลับมาครั้งนี้ เขาเพียงแค่อยากจะชดเชยให้ฉินซีอย่างดี

เป็นไอ้ขยะไร้ประโยชน์อย่างแกจริงๆด้วย

ในที่สุดคุณแม่ฉินก็มั่นใจ ชายหนุ่มตรงหน้าก็คือหยางเฉิน สองมือเท้าสะเอว และท่าทางร้ายกาจ พูดอย่างโมโหว่า แกกลับมาตอนไหนไม่กลับ ดันกลับมาตอนที่ฉินซีกำลังจะแต่งงานใหม่ จงใจจะมาก่อกวนงั้นหรอ

ในตอนนี้ คุณพ่อฉินเองก็วิ่งมา และเจอเข้ากับหยางเฉินพอดี และก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ฉินด้วย ไม่พูดกล่าวอะไรทั้งนั้นแล้วก็เหวี่ยงหมัดใส่พร้อมกับพูดอย่างโมโหว่า ฉันจะตีไอ้สาระเลวอย่างแกให้ตาย ยังจะกล้ากลับมาอีก

พั่บ

ทันใดนั้นก็มีร่างกายสูงใหญ่เข้ามา แล้วจับแขนของคุณพ่อฉินไว้ พูดอย่างเย็นชาว่า ไม่มีใครมีสิทธิ์แตะต้องเขา

ชายหนุ่มที่รั้งคุณพ่อฉินไว้ ก็คือหม่าชาวนั่นเอง

ติดตามสู้รบกับหยางเฉินมาหลายปี ร่างกายสูงใหญ่ หน้าตาก็ดุดัน การโผล่มาของเขา ทำให้สถานการณ์นิ่งค้าง ใบหน้าของคุณพ่อฉินตกใจกลัว

ถอยออกไปน้ำเสียงของหยางเฉินเย็นชา สายตาดั่งมีดคมมองไปที่หม่าชาว

ถึงแม้หม่าชาวจะไม่เต็มใจ แต่เพราะเป็นคำสั่งของหยางเฉิน เขาไม่มีทางขัดคำสั่ง จึงทำได้เพียงปล่อยมือ ขอโทษครับ พี่เฉิน

รู้ว่าผิดก็ถอยไปซะ วันนี้ถ้าไม่มีคำสั่งจากฉันห้ามเข้ามาแทรกสักเรื่อง ใบหน้าหยางเฉินเต็มไปด้วยความเย็นชา

หยางเฉินในตอนนี้ อำนาจในตัวเขาถูกเผยออกมานิดหน่อยอย่างไม่ได้ตั้งใจ แค่เพียงเล็กน้อยนี้ แต่กลับทำให้คุณพ่อคุณแม่ฉิน รู้สึกว่าลูกเขยขยะในสายตาพวกเขาที่กลับมาหลังจากหายไปห้าปี เหมือนว่าจะมีอะไรต่างไปจากเดิมเล็กน้อย แต่ความคิดอย่างนี้ ก็เป็นเพียงความคิดแวบเข้ามาเท่านั้น ในสายตาของพวกเขา หยางเฉินก็เป็นแค่ขยะ

เมื่อมีการออกตัวของหม่าชาว คุณพ่อคุณแม่ฉินก็ไม่กล้าลงไม้ลงมือกับหยางเฉินอีก

ปีกกล้าขาแข็งแล้วนี่ แม้แต่ฉันยังกล้าแตะ แกไปไกลๆเลยนะ ไปเดี๋ยวนี้คุณพ่อฉินพูดอย่างโมโห ถ้าไม่ได้กลัวชายหนุ่มคนเมื่อกี้ เขาคงลงไม้ลงมือไปนานแล้ว

ในใจของหยางเฉินมีอารมณ์โมโห แต่เมื่อนึกถึงคนที่เขาคิดถึงมานานห้าปี ก็พยายามเก็บอารมณ์โมโห พูดเตือนตัวเองไม่หยุดว่าที่เขากลับมาครั้งนี้ ก็เพื่อกลับมาชดเชยให้ฉินซี เขาทนได้ทุกอย่าง

ไอ้ขยะนี่ไปไม่ได้ มันกลับมาได้ถูกเวลาพอดี วันนี้ให้มันกับฉินซีไปทำเรื่องหย่าเลย พรุ่งนี้พวกเราก็ให้ฉินซีกับหวังเจี้ยนหมั้นกัน จะได้ไม่ต้องไปทำใบมรณบัตรที่ยุ่งยากอย่างนั้นแล้วคุณแม่ฉินรีบจับแขนข้างหนึ่งของหยางเฉินไว้ เหมือนกลัวว่าหยางเฉินจะจากไปจริงๆ แล้วหาตัวไม่เจออีก

คุณพ่อฉินเองก็เพิ่งเข้าใจได้ แล้วก็จับแขนอีกข้างของหยางเฉินไว้ ที่รักพูดถูก รอเสี่ยวซีกลับมา พวกแกก็ไปทำเรื่องหย่าซะ

หยางเฉินถูกลากเข้าไปในลานบ้าน คนที่ไม่รู้ คงจะคิดว่าพ่อตาแม่ยายกระตือรือร้นดีใจที่ลูกเขยกลับมาแล้ว

เมื่อเข้าไปในบ้าน ก็เห็นโต๊ะจัดเลี้ยงที่วางอยู่ในห้องนั่งเล่น มีคนนั่งอยู่เต็ม ล้วนเป็นญาติของคุณแม่ฉินทั้งนั้น

ในกลุ่มญาติพวกนี้ ยังมีคนหนึ่งนี่หน้าตาไม่คุ้นเคย เป็นชายหนุ่มที่ทั้งตัวมีแต่ของแบรนด์เนม และโชว์นาฬิกาที่ใส่ไว้อย่างกับไม่ได้ตั้งใจ ใส่นาฬิกา Rolex ที่มูลค่าไม่น้อย ญาติที่อยู่รอบๆเหมือนกับว่ากำลังนั่งล้อมรอบเขา

ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังจ้องมองหยางเฉินที่ถูกคุณพ่อคุณแม่ฉิน เชิญ เข้ามา

บนโต๊ะอาหาร มีเค้กก้อนใหญ่วางอยู่ ดูแล้วเหมือนกับว่ามีคนจะจัดงานเลี้ยงวันเกิด

แต่ว่าในความทรงจำของหยางเฉิน ไม่ว่าจะคุณพ่อฉิน คุณแม่ฉิน หรือแม่แต่ฉินซี ก็ไม่ใช่วันเกิดวันนี้ แล้วนี่เป็นวันเกิดของใคร

ญาติทั้งหลายที่เมื่อกี้ยังพูดคุยกันเรื่องจะทำใบมรณบัตรให้หยางเฉิน แล้วตอนนี้เจ้าตัวก็มาปรากฏตัว ในใจทุกคนถึงกับตื่นตกใจ แต่ไม่นานสายตาก็เป็นประกาย ท่าทางกระตือรือร้นขึ้น สีหน้าเหมือนกำลังรอดูเรื่องสนุก

หยางเฉิน มันหายตัวไปห้าปีแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมอยู่ๆถึงกลับมาละ

กลับตอนไหนไม่กลับ ดันกลับมาตอนที่คุณชายหวังกำลังจะแต่งงานกับเสี่ยวซี เขากลับมา คงจะเพราะมีแผนอื่นแน่เลย

มีแผน เทียบกับคุณชายหวัง มันก็แค่ขยะ อยากจะแย่งกับคุณชายหวัง มันมีสิทธิ์งั้นหรอ

ญาติของคุณแม่ฉิน ต่างก็ซุบซิบนินทาเสียงเบา แต่ก็ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่จงใจ ถึงแม้จะเสียงเบา แต่ทุกคนที่อยู่ก็ได้ยินกันหมด ส่วนชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าคุณชายหวัง ก็ได้ยินชัดเจนเช่นกัน

แต่คุณชายหวังกลับทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินอะไร มองดูคุณแม่ฉิน แล้วถามอย่างสงสัย คุณป้าครับ คนนี้คือ

คุณแม่ฉินยิ้มเยาะ มองดูหยางเฉินอย่างรังเกียจ มันก็คือไอ้คนที่หายตัวไปห้าปี ฉันกำลังจะไปทำใบมรณบัตรให้มันแล้วเชียว แล้วอยู่ๆไอ้ขยะนี่ก็โผล่มา แต่ว่านายสบายใจได้นะ ทำใบมรณบัตรต้องใช้เวลา แต่ถ้าทำเรื่องหย่า ทำเสร็จได้ในวันนี้เลย

คุณแม่ฉินไม่ปิดบังความคิดที่จะให้ฉินซีหย่าร้าง พูดกับคุณชายหวังเสร็จ แล้วก็พูดอย่างภูมิใจอีกว่า หยางเฉิน เขาคือหวังเจี้ยนเป็นถึงลูกชายคนโตของผู้นำตระกูลหวังแห่งเจียงโจว อีกไม่กี่ปี เขาก็จะสืบทอดตำแหน่งผู้นำแล้ว ฉันขอเตือนให้แกเลิกคิดที่จะเกาะติดฉินซีซะ งานแต่งของพวกเขา พวกเราก็ตกลงกันแล้ว

ถ้าหากนายรู้จักเจียมตัว รอเสี่ยวซีกลับมา ก็รีบไปทำเรื่องหย่าได้แล้ว อย่ามาเสียเวลาความสุขของเสี่ยวซี

ญาติทั้งโต๊ะ ตอนนี้ต่างก็พูดออกมา อยู่ต่อหน้าคุณชายใหญ่ตระกูลหวัง ทุกคนต่างก็อยากใช้โอกาสนี้เหยียบหยางเฉินเพื่อที่จะเป็นการเอาใจคุณชายใหญ่ของบ้านเศรษฐี

ในสายตาของหยางเฉิน มีความโหดเหี้ยม แต่ก็หายไปในทันที

ญาติพวกนี้ ช่างน่ารำคาญจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะฉินซี แค่ระยะเวลาสั้นๆก็สามารถสั่งสอนมารยาทความเป็นคนให้กับพวกเขาได้แล้ว

หวังเจี้ยนรู้สึกพอใจมาก นั่งพิงอยู่บนเก้าอี้ด้วยใบหน้าภูมิใจ แล้วค่อยๆถือแก้วไวน์ที่ใส่ไวน์ไว้เต็มแก้วเขย่าเบาๆ มองดูหยางเฉินด้วยรอยยิ้ม แล้วถามอย่างตอแหลว่า ไม่รู้ว่าห้าปีที่นายหายไป ไปทำอะไรมาบ้างละ

หยางเฉินมองดูนิ่งๆ ไปชายแดนเหนือมา

ไปชายแดนเหนือ นายคงไม่ได้ไปเลี้ยงหมูที่ชายแดนเหนือมาห้าปีหรอกนะ ฮ่าๆ…..

ไม่รอหวังเจี้ยนตอบรับ อยู่ๆก็มีญาติหัวเราะขึ้นอย่างเสียงดัง ญาติที่ร่วมโต๊ะคนอื่นๆก็หัวเราะเสียงดังตามๆกัน

หยางเฉินเงียบ

หวังเจี้ยนยกยิ้มมุมปาก แล้วเอาเช็คใบหนึ่งออกมา เซ็นชื่อเต็มของตัวเองลงไป ยื่นไปตรงหน้าหยางเฉิน แล้วพูดว่า นายน่าจะเห็นแล้ว ว่าตระกูลฉินไม่ต้อนรับนาย นายกลับมาครั้งนี้ก็เพื่อเงินแน่นอน ขอแค่เพียงนายยอมทำเรื่องหย่ากับฉินซี ตัวเลขในเช็คใบนี้ นายเขียนเองได้ตามใจชอบ ไม่ว่าธนาคารไหนในเจียงโจวก็สามารถแลกเงินสดได้ในทันที

ญาติตระกูลฉิน ตอนนี้ตาเป็นประกายกันหมด อยากจะให้เช็คใบนั้นเป็นของตัวเองซะจริงๆ

เสี่ยวหวัง จำเป็นต้องให้เงินเขาที่ไหนกัน เสี่ยวซีเป็นลูกสาวของฉัน ฉันต้องการให้พวกเขาหย่ากัน พวกเขาก็จำเป็นต้องหย่า ทำไมจะต้องให้เงินเขาคุณแม่ฉินมองดูเช็คใบนั้น รู้สึกเหมือนกับเอาเงินของตัวเองออกมาให้กับหยางเฉินฟรีๆ

ในสายตาหวังเจี้ยนมีความไม่พอใจนิดหน่อย แต่ก็ยังคงท่าทางยิ้มแย้มแล้วพูดว่า คุณป้าครับ สำหรับผมแล้ว เงินก็แค่ตัวเลขเท่านั้น ผมไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งยาก แค่อยากจะให้เสี่ยวซีรีบกลับสู่สถานะโสดให้เร็วที่สุด

ฟังหวังเจี้ยนพูดอย่างนี้ คุณแม่ฉินก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่ว่าสายตาที่มองหยางเฉินยิ่งเย็นชามากขึ้น

ในระหว่างที่ญาติๆกำลังอิจฉา หยางเฉินหยิบเช็คใบนั้นขึ้นมา

แควก

ในตอนที่ทุกคนคิดว่าเขากำลังจะรับไว้ แต่หยางเฉินกลับฉีกมันทิ้งต่อหน้าทุกคน

แล้วก็มองหวังเจี้ยนด้วยใบหน้านิ่งๆ ถ้าหากฉินซีจะหย่ากับฉัน ฉันก็จะไม่เกาะติดอยู่ตระกูลฉินแน่นอน แต่ถ้าหากเธอไม่ยินยอม ไม่ว่าใครก็อย่าคิดจะแทรกระหว่างเรื่องของพวกเรา

ถ้าหากมีพวกพี่น้องที่ชายแดนเหนืออยู่ในสถานการณ์ จะต้องรู้ได้แน่นอน ว่าหยางเฉินที่สงบนิ่งแบบนี้ เป็นสถานการณ์ที่อันตรายที่สุด

ดวงตาของหวังเจี้ยนค่อยๆหรี่ลง ชายหนุ่มตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกถึงความกดดันนิดหน่อย ความรู้สึกแบบนี้ ไม่ชอบใจที่สุด

คนอื่นๆกลับมีท่าทางสมน้ำหน้า กล้ามีปัญหากับหวังเจี้ยน ก็เหมือนกับการหาเรื่องตายแท้ๆ

ในขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด มีเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังขึ้น จากนั้นก็เห็นร่างสองคนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ปรากฏ นั่นก็คือฉินซีกับเด็กสาวคนหนึ่ง

หวังเจี้ยน ทำไมนายถึงมาอีกแล้ว นี่คือบ้านฉัน ไม่ต้อนรับนาย กรุณาออกไปเดี๋ยวนี้เมื่อฉินซีมองเห็นหวังเจี้ยน ใบหน้าก็มืดมนทันที แล้วก็ออกคำสั่งไล่แขก

ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ หยางเฉินที่นั่งหันหลังให้ประตู ร่างกายถึงกับกระตุก

เขาคิดถึงภาพที่จะได้เจอกันกับฉินซีอีกครั้งอย่างนับไม่ถ้วน และก็แอบฝึกนับครั้งไม่ถ้วนเช่นกัน แต่เมื่อเขาจะต้องพบเจอกับฉินซีจริงๆ กลับรู้ตัวว่า การฝึกที่ผ่านมาไม่มีประโยชน์อะไรเลย ในตอนนี้ เขาไม่กล้าหันหลังไปมองคนที่เขารู้สึกผิดด้วยอย่างมากและคนที่เขาคิดถึงมาตลอดห้าปีเต็ม

พ่อจ๋า

หยางเฉินยังไม่ทันได้หันหลัง ด้านหลังก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ร่างกายกระตุก หันหลังไปก็เจอกับร่างตัวเล็กๆ พุ่งเข้ามาอย่างดีใจ

เมื่อกี้ที่อยู่สนามบิน ก็คือเด็กน้อยคนนี้ เกาะติดเขาแล้วเรียกว่าพ่อ

หยางเฉินย่อตัวลง แล้วอุ้มเด็กสาวไว้ในอ้อมกอดอย่างเป็นธรรมชาติ

เป็นไปอย่างธรรมชาติ เหมือนกับว่าเขาเคยอุ้มเด็กสาวตรงหน้านับครั้งไม่ถ้วน

ในตอนนี้ ฉินซีเองก็มองเห็นหยางเฉินแล้ว สองตาประสานกัน ชั่วขณะหนึ่ง ทั้งหมดรอบตัวเหมือนกับหยุดนิ่งลง มีเพียงแค่เขาและเธอสบตากัน

ห้าปีที่ผ่านมา เงาของร่างนี้ปรากฏอยู่ในสมองเขานับครั้งไม่ถ้วน ความคิดถึงและความรู้สึกผิดต่อผู้หญิงคนนี้ เป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะให้เหมาะสมกับเธอ หยางเฉินถึงได้กัดฟันอดทนผ่านมาได้

สายตาของฉินซีจ้องเขม็งไปที่ร่างนั้น ใบหน้าที่งดงาม มีหลากหลายอารมณ์ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

เสี่ยวซี ฉันกลับมาแล้วหยางเฉินเป็นคนพูดทำลายความเงียบขึ้นก่อน

คำว่าฉันกลับมาแล้ว ทำให้ฉินซีรู้สึกตัวจากความหวาดกลัว ความเย็นชาค่อยๆปรากฏบนใบหน้าที่สวยงาม

หยางเฉินเห็นได้ชัดเจน อารมณ์บนใบหน้าของฉินซีเปลี่ยนจากหวาดกลัวเป็นเหม่อลอย แล้วก็เปลี่ยนเป็นความเกลียด

ห้าปีก่อน ทั้งสองถูกลอบทำร้ายให้มีความสัมพันธ์กัน คนในตระกูลให้หยางเฉินแต่งเข้าบ้านตระกูลฉินเพื่อรักษาชื่อเสียง และฉินซีก็เป็นผู้หญิงที่เห็นพรหมจรรย์สำคัญกว่าชีวิตมาแต่แรกแล้ว จึงได้ยอมรับเรื่องทั้งหมด

แต่เธอคิดไม่ถึงว่าทั้งสองแต่งงานยังไม่ทันครบหนึ่งเดือน อยู่ๆหยางเฉินก็หายตัวไป จนกระทั่งคุณแม่บอกกับเธอว่า ผู้ชายคนนี้เอาเงิน 5 แสนที่คุณพ่อให้ไป

และในตอนนั้นเองที่เธอรู้ตัวว่าท้อง

จากนั้น ตระกูลฉินใช้ช่วงเวลาที่เธอตั้งท้อง ยึดเอาธุรกิจที่เธอสร้างขึ้นเองกับมือไปเป็นของตระกูล ด้วยเหตุผลที่ว่าเธอเป็นคนทำลายชื่อเสียงให้ตระกูลฉินอับอาย

คิดถึงวันวานที่หมองมัว ค่ำคืนที่ตัวเองแอบร้องไห้นับครั้งไม่ถ้วน ฉินซีรู้สึกเกลียดผู้ชายคนนี้ที่ไปไม่ลาคนนี้เป็นอย่างมาก

ถ้าหากว่านายตายไปแล้วฉันก็ยอมรับ แต่นายกลับหายตัวไปถึงห้าปีแล้วก็มาปรากฏตัวต่อหน้าฉัน มาเปิดแผลเป็นที่ผ่านมาของฉัน นายมีความสุขมากมั้ย

ฉินซีตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด เหมือนกับว่าจะเอาอารมณ์ที่เก็บกดไว้มานานหลายปีนี้แสดงออกมาให้หมด

มองดูหญิงสาวที่รักเจ็บปวด ใจของหยางเฉินเองรู้สึกเหมือนโดนมีดแทง

เสี่ยวซี ฉันขอโทษ

หยางเฉินเดินไปตรงหน้าด้วยใบหน้าที่จริงใจ นอกจากขอโทษ เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้อีก

ห้าปีก่อน ทำไมนายถึงไปไม่ลาฉินซีกัดริมฝีปากแดงเบาๆ สายตาจ้องเขม็งไปที่หยางเฉิน

ฉันหยางให้ตัวฉันเองเหมาะสมกับเธอ มองดูใบหน้าสวยงามที่อยู่ใกล้ๆ หยางเฉินตอบอย่างหนักแน่น ก่อนกลับมาครั้งนี้ เขาสาบานแล้วว่าจะไม่ให้ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้เจ็บปวดอีกแม้แต่นิดเดียว

เหอะ

อยู่ๆคุณแม่ฉินก็หัวเราะเยาะออกมา มองหยางเฉินอย่างแดกดัน พูดซะดีเชียว ปีนั้นนายเป็นคนมาหาเหล่าฉินด้วยตัวเอง บอกว่าแค่เพียงเหล่าฉินให้เงินห้าแสน นายก็จะไม่มาเจอหน้ากับเสี่ยวซีอีก

หยางเฉินรีบปฏิเสธ ฉันไม่เคย

ในสายตาของเขา มีความน่ากลัวแวบเข้ามา คุณแม่ฉินกำลังใส่ร้ายเขา

คุณแม่ฉินหัวเราะเยาะ ไม่เคย งั้นฉันถามนาย ห้าปีก่อน เหล่าฉินให้เงินนายห้าแสนใช่มั้ย

หยางเฉินอธิบาย ผมขอยืมพ่อตามาห้าแสน แต่ว่าไม่ได้ใช้ วันที่สองก็คืนให้พ่อตาทุกบาททุกสตางค์แล้ว

ตอแหล หลังจากที่นายเอาเงินไปแล้วก็หายไปเลย จนถึงวันนี้ ฉันถึงจะเจอกับนาย นายคืนเงินให้ฉันเมื่อไหร่กันคุณพ่อฉินไม่ยอมรับ

ผัวเมียคู่นี้ เหมือนกับว่าไม่ต้องการให้โอกาสหยางเฉินอธิบาย เหมือนต้องการให้เรื่องที่หยางเฉินเอาเงินแล้วหายไปเป็นความจริง

เพี๊ยะ

ฉินซียกมือขึ้นตบหน้าหยางเฉินไปหนึ่งที ชี้ไปที่ประตู พูดอย่างอารมณ์เสียว่า ออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้

แง้……

เด็กสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของหยางเฉินมาตลอดร้องไห้เสียงดัง แม่จ๋า อย่าไล่คุณพ่อไปนะ เด็กคนอื่นมีพ่อ มีแต่หนูที่ไม่มี หนูอยากได้คุณพ่อ แม่จ๋า แม่อย่าไล่พ่อไปนะ อย่าไล่พ่อไปนะ

เด็กสาวร้องไห้งอแง น้ำตาไหลพราก สองแขนยังกอดคอหยางเฉินไว้แน่น กลัวว่าถ้าปล่อยมือ ก็จะไม่ได้เจอพ่ออีก

ฉินซีตื่นตระหนกขึ้นมาทันที และก็ไม่ทันสนใจที่จะต่อว่าหยางเฉินอีก รีบอุ้มลูกมากอดไว้ในอ้อมกอดแน่น แล้วก็พูดไม่หยุดว่า คุณแม่ไม่ไล่คุณพ่อไป ไม่ไล่คุณพ่อไปแล้ว เสี้ยวเสี้ยวไม่ร้องไห้นะ ไม่ร้องไห้นะ

เธอพูดแล้วน้ำตาก็ไหลจากดวงตา ไม่ว่าในใจเธอจะเกลียดผู้ชายคนนี้มากแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นพ่อของลูกสาว เพื่อลูกสาว เธอยอมได้หมด ทนได้ทุกอย่าง

พ่อจ๋า คุณแม่ตกลงกับเสี้ยวเสี้ยวแล้ว จะไม่ไล่พ่อไป งั้นพ่อก็ตกลงกับเสี้ยวเสี้ยวว่าจะไม่จากคุณแม่และเสี้ยวเสี้ยวไปอีก ตกลงมั้ยคะเสี้ยวเสี้ยวร้องไห้ไปด้วยและมองดูอย่างรอคอยให้หยางเฉินพูดตอบรับ

บทสนทนาของแม่ลูกนั้นเสียงไม่ดัง แต่ในหูของหยางเฉินเหมือนถูกฟ้าผ่า ทำให้ตัวเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

ตอนที่เห็นเสี้ยวเสี้ยวครั้งแรกที่สนามบิน ก็รู้สึกว่าหน้าตาของเธอมีความคล้ายกับตัวเอง อายุของเสี้ยวเสี้ยว ก็ดูประมาณ 4 ขวบ ทั้งหมดนี้ ต่างก็กำลังบอกหยางเฉินว่าเสี้ยวเสี้ยวนั้นเป็นลูกสาวแท้ๆของเขา

หรือว่าเป็นคืนนั้นเมื่อห้าปีก่อน ก็มีเสี้ยวเสี้ยวแล้ว

อุ้มท้องสิบเดือน วันนี้ก็เป็นวันเกิดอายุสี่ขวบของเสี้ยวเสี้ยว บวกกันแล้วก็เกือบห้าปีเต็มพอดี ตรงกับช่วงเวลาที่ตัวเองจากมาทั้งนั้น

หยางเฉินยิ่งคิดยิ่งตกใจ แล้วรีบเดินไปตรงหน้า มองดูหญิงสาวสวยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา ถามเสียงสั่นๆว่า เธอ เธอเป็นลูกสาวของพวกเรา

ใบหน้าฉินซีสับสน สักพักถึงจะพยักหน้า เขาเป็นพ่อของลูก มีสิทธิ์ที่จะรู้ความจริง

ถึงแม้ว่าจะคาดเดาได้แล้ว แต่เมื่อฉินซียอมรับเอง สิ่งนี้ก็ยังทำให้หยางเฉินตื่นเต้นมากอยู่ดี

เทพสงคราม ตอนนี้กำลังร้องไห้ ทั้งรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิด

หยางเฉินอุ้มลูกสาวเข้ามาในอ้อมกอด พูดอย่างอ่อนโยนข้างหูเธอว่า คุณพ่อตกลง ชีวิตนี้ จะไม่จากหนูและคุณแม่ไปอีก

ถึงแม้จะเสียงเบา แต่กลับหนักแน่น นักรบไม่สาบานง่ายๆ ถ้าหากสาบาน ก็คือทั้งชีวิต

ปล่อยหลานสาวฉันนะ

ในเวลาที่อบอุ่นนี้ คุณแม่ฉินเดินเข้ามาแย่งเสี้ยวเสี้ยวออกมาจากอ้อมแขนของหยางเฉิน

หยางเฉินกลัวทำให้ลูกบาดเจ็บจึงทำได้แค่ยอมปล่อยดีๆ

อารมณ์โมโหพุ่งสูงขึ้นอย่างอดไม่ได้ แต่เมื่อเห็นลูกสาว และคิดถึงฉินซีที่อุ้มท้องสิบเดือนมาอย่างยากลำบาก และคำพูดนินทาว่าร้ายที่เธอต้องแบกรับมาคนเดียว หยางเฉินก็ค่อยๆสงบอารมณ์ลง

เสี่ยวซี ฉันรู้ว่าแกใจอ่อน แต่ครั้งนี้ ฉันและพ่อแก จะไม่ยอมมองดูแกวิ่งเข้ากองไฟอีกแน่นอน

ใบหน้าคุณแม่ฉินโมโห จากนั้นก็ชี้ไปที่เครื่องแหวนเงินทองที่อยู่วางเต็มโต๊ะ นี่คือสินสอดที่หวังเจี้ยนเอามา ฉันและพ่อแกรับไว้แทนแกแล้ว แกไปทำเรื่องหย่าร้างกับไอ้ขยะนี่เดี๋ยวนี้ แล้วก็เตรียมตัวแต่งงานกับหวังเจี้ยนซะ

สองผัวเมียยังไม่ทันพูดว่าจะหย่า คุณแม่ฉินก็วางแผนจะให้ฉินซีแต่งงานอีกครั้งแล้ว

ถ้าไม่เห็นแก่ภรรยาและลูกสาว เขาลงไม้ลงมือไปนานแล้ว

แง้…….

เสี้ยวเสี้ยวร้องไห้อีกครั้ง คุณยาย อย่าไล่คุณพ่อไปนะ หนูจะเอาคุณพ่อ อย่าไล่คุณพ่อ

ถึงแม้ว่าสาวน้อยจะยังเล็ก แต่กลับเข้าใจคำพูดของคุณแม่ฉิน แล้วก็ร้องไห้หนักอีกครั้ง นี่ทำให้หยางเฉินที่เป็นพ่อคนครั้งแรกรู้สึกใจสลาย

คุณแม่ฉินแสดงสีหน้ารำคาญ แล้วสั่งสอนด้วยใบหน้าเย็นชา ฉินเสี้ยวเสี้ยว หุบปากเดี๋ยวนี้ พ่อของแกตายไปนานแล้ว มันไม่ใช่พ่อของแก ถ้ายังร้องไห้ ฉันจะขังแกไว้ในห้องมืด

ร่างกายของฉินเสี้ยวเสี้ยวกระตุกอย่างเห็นได้ชัด แล้วก็ไม่กล้าร้องไห้ออกเสียงอีก ทำได้แค่กลั้นไว้ และร้องไห้น้ำตาไหลไม่หยุด มองดูฉินซีอย่างน่าสงสาร แล้วก็มองหยางเฉิน

มองดูลูกสาวที่ท่าทางกลัวขนาดนี้ หยางเฉินก็รู้ว่า ก่อนหน้านี้คุณแม่ฉินต้องเคยขังลูกสาวแน่นอน

ความโมโหในใจเขาพุ่งขึ้นมาทันที ในตอนนี้เหมือนกับว่าบรรยากาศในห้องเย็นลงหลายองศา

ไม่รอให้เขาระเบิด ฉินซีก็แย่งลูกสาวจากมือของคุณแม่ฉิน ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา แม่ หนูบอกกับแม่กี่ครั้งแล้ว เธอยังเด็ก อย่าขู่เธอ ทำไมแม่ยังจะทำอย่างนี้อีก ถ้าหากยังมีครั้งต่อไป หนูจะพาเสี้ยวเสี้ยวออกไปอยู่ข้างนอก

คุณแม่ฉินรู้สึกละอายใจ แล้วรีบพูดว่า ฉันก็แค่ขู่เฉยๆ ไม่ได้จะขังจริงๆสักหน่อย ขอแค่แกรีบหย่ากับไอ้ขยะนี่ อะไรก็คุยกันได้ง่าย

ฉินซีไม่สนใจคุณแม่ฉิน แต่กลับมองไปที่หวังเจี้ยน พูดอย่างประชดว่า คุณชายหวัง บ้านและธุรกิจคุณใหญ่โต ฉันไม่เหมาะสมกับคุณ อีกอย่าง ฉันแต่งงานแล้ว และถึงแม้ว่าจะยัง ฉันก็ไม่มีทางคบกับคุณ นอกจากนี้…เขาก็กลับมาแล้ว รบกวนคุณอย่ามาวุ่นวายกับชีวิตของพวกเราอีก ขอบคุณ

ตอนนี้ สีหน้าของหวังเจี้ยนแย่มาก แต่ว่าเห็นใบหน้าที่สวยงามของฉินซีเขาก็อดทนไว้ ในใจแอบคิดว่า รอกูได้มึงมาอยู่ในกำมือ กูจะทำให้มึงรู้ถึงความเก่งของกู

เสี่ยวซี นี่แกพูดอะไรเนี่ย เสี่ยวหวังทำเพื่อเธอ ช่วยเหลือพวกเรามามากแค่ไหน แกไม่รู้หรอ

คุณแม่ฉินโมโห ดุว่าฉินซี แล้วก็หันไปมองหวังเจี้ยน เสี่ยวหวัง นายอย่าไปฟังเธอพูดนะ บ้านนี้ยังไงก็ต้องฟังฉัน

หวังเจี้ยนยิ้มอ่อน คุณป้าครับ คุณสบายใจได้ ผมจะใช้ความจริงใจทำให้ฉินซีหวั่นไหวเองครับ

หยางเฉินท่าทางเย็นชา กล้าแสดงออกว่าจะจีบผู้หญิงของเขาต่อหน้าเขา

สมแล้วที่เป็นผู้สืบทอดของตระกูลหวัง ดูท่าทางนี้ ไม่ใช่คนบางคนแถวนี้จะสามารถเทียบได้

เสี่ยวซีของพวกเราหน้าตาสะสวย ก็มีเพียงแค่ชายหนุ่มมีความสามารถอย่างหวังเจี้ยนถึงจะเป็นคู่ครองที่เหมาะสมที่สุด

คุณชายหวัง รอวันที่คุณและเสี่ยวซีแต่งงานกัน ฉันจะให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับพวกคุณแน่นอน

ญาติทั้งหลายต่างก็พูดคุยกัน เอาอกเอาใจหวังเจี้ยนอย่างไม่ปิดบัง ทุกคำพูดต่างก็แสดงออกถึงความไม่พอใจต่อหยางเฉิน

ฉินซีเองก็โมโหจนตัวสั่น แต่ว่าทุกคนที่นั่งอยู่ก็ล้วนแต่เป็นผู้ใหญ่ สายตาเธอมองไปสำรวจตัวหยางเฉิน เห็นใบหน้าไร้อารมณ์ของหยางเฉิน เงียบงัน ทั้งไม่เถียงและไม่โกรธ ในใจก็ยิ่งผิดหวังต่อหยางเฉินมากขึ้น

ถ้าหากหยางเฉินรู้ความคิดของฉินซี คงจะหดหู่มาก ที่เขาอดทนเงียบไว้ ก็เพราะไม่อยากให้ฉินซีอึดอัด

ในตอนนี้ แม่บ้านก็เอาอาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะ ทุกคนถูกคุณแม่ฉินเชิญไปที่โต๊ะอาหาร ยกเว้นหยางเฉิน

หยางเฉินจะไปก็ไม่ใช่ ไม่ไปก็ไม่ใช่

พ่อจ๋า หนูจะให้พ่ออุ้มหนูกินข้าว

อยู่ๆเสียงของฉินเสี้ยวเสี้ยวก็ดังขึ้น ดวงตาเป็นประกายวิบวับ มือเล็กๆที่ขาวผ่องโบกมือให้หยางเฉิน

ในตอนที่เสียงของลูกสาวดังขึ้น ความโมโหทั้งหมดก็หายไปในทันที โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำว่า พ่อจ๋า ใจเขาแทบจะละลาย

แต่คุณแม่ฉินนั้นไม่จบไม่สิ้นทั้งที ดุว่าเด็กสาว หุบปากเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่พ่อของแก พ่อของแกตายไปนานแล้ว

ฉินเสี้ยวเสี้ยวเบะปากอยากจะร้องไห้อีกครั้ง

แม่

น้ำเสียงของฉินซีเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เธออุ้มลูกสาวขึ้นจากที่นั่ง แล้วก็พูดเย็นชาว่า นายนั่งที่นี่

คำพูดนี้พูดกับหยางเฉินอย่างเห็นได้ชัด หยางเฉินมองเธออย่างขอบคุณ แล้วก็รีบไปนั่ง

หนูจะให้คุณพ่ออุ้ม

นั่งอยู่ในอ้อมกอดของคุณพ่อ เด็กน้อยมีความสุขมาก จับหูของคุณพ่ออย่างสนใจ แล้วก็จับหน้าของคุณพ่อ จากนั้นก็หัวเราะออกมา มีความสุขมาก

เห็นภาพนี้ ในสายตาของฉินซีมีความอบอุ่นแวบเข้ามา

ทุกคนนั่งล้อมรอบโต๊ะอาหาร ยังไม่เริ่มกิน หวังเจี้ยนก็เอากล่องของขวัญสีชมพูที่ดูหรูหรามากออกมา ยื่นให้กับฉินเสี้ยวเสี้ยว นี่คือของขวัญวันเกิดที่คุณอาหวังให้หนู สุขสันต์วันเกิดเสี้ยวเสี้ยว

ที่แท้วันนี้ก็วันเกิดของลูกสาว คิดถึงว่าตัวเองพลาดการเติบโตในสี่ปีมานี้ของลูกสาว ในใจหยางเฉินก็รู้สึกผิดอีกครั้ง

ฉินเสี้ยวเสี้ยวมองหวังเจี้ยนอย่างเขินอาย ยังไงซะก็อายุแค่สี่ขวบ เมื่อได้รับของขวัญก็มีความสุข สายตาเอาแต่จ้องไปที่กล่องของขวัญที่ห่อด้วยสีชมพูลายการ์ตูน

ฉินเสี้ยวเสี้ยวรับของขวัญมา ขอบคุณค่ะคุณอาหวัง

หวังเจี้ยนยิ้มด้วยรอยยิ้มสดใส เปิดดูสิว่าชอบมั้ย

เด็กน้อยที่สนใจกล่องของขวัญสีชมพูอยู่แต่แรกแล้ว หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหวังเจี้ยน ก็แกะกล่องของขวัญออกอย่างรีบเร่ง

หลังแกะห่อที่อยู่ข้างนอก ด้านในก็มีกล่องที่หรูหราอีกอัน เมื่อแกะอีก ก็เห็นกำไลข้อมือที่ส่องประกาย

เป็นสร้อยข้อมือที่สวยมากจริงๆ

คุณน้าอย่างฉินยีร้องขึ้นอย่างตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความอิจฉา

หลังจากที่ผมรู้วันเกิดของเสี้ยวเสี้ยวแล้วก็ตั้งใจขอร้องให้เพื่อนจากประเทศเฟย ซื้ออัญมณีจากร้านเหมืองเพชรพลอยแห่งหนึ่ง จากนั้นก็ให้ผู้เชี่ยวชาญอัญมณีที่มีชื่อเสียงแห่งนานาชาติออกแบบให้เสี้ยวเสี้ยวโดยเฉพาะ ทั้งโลกนี้ มีเพียงเส้นเดียวเท่านั้นครับ

หวังเจี้ยนใบหน้าภูมิใจ ในประโยคก็บอกถึงความแพงของสร้อยข้อมือเส้นนี้ รวมทั้งเขาที่เห็นถึงความสำคัญต่อวันเกิดของฉินเสี้ยวเสี้ยว

ในเมื่อเป็นสร้อยข้อมืออัญมณี แล้วยังเป็นผู้เชี่ยวชาญอัญมณีที่มีชื่อเสียงแห่งนานาชาติเป็นคนออกแบบ และสั่งทำส่วนตัว อย่างน้อยก็น่าจะแสนกว่าใช่มั้ย

ดวงตาของฉินยีเป็นประกาย อยากจะเอาสร้อยข้อมือเส้นนี้มาเป็นของตัวเองซะเหลือเกิน

รอยยิ้มภูมิใจของหวังเจี้ยน เอนหลังไปพิงเก้าอี้ให้รู้สึกสบายหน่อยแล้วถึงจะพูดว่า ตัวอัญมณีไม่ถือว่าแพงมากเท่าไหร่ แต่ที่สำคัญคือให้ผู้เชี่ยวชาญอัญมณีออกแบบ เสียเงินไม่น้อย แต่ก็ไม่ถือว่าเยอะ รวมๆทั้งหมดแล้วก็ประมาณ 6 แสนมั้งครับ

6 แสน

ได้ยินราคา ญาติทุกคนสูดหายใจเข้าอย่างตกตะลึง

สมแล้วที่เป็นคุณชายใหญ่ตระกูลหวัง ใจกว้างจริงๆ

ที่สำคัญคือดีกับเสี้ยวเสี้ยว รอคุณชายหวังเป็นพ่อของเสี้ยวเสี้ยวแล้ว วัยเด็กของเสี้ยวเสี้ยว จะต้องมีความสุขมากแน่ๆ

ใช่แล้ว เสี้ยวเสี้ยวนี่มีบุญจริงๆ ไม่นานก็จะมีคนใหญ่คนโตอย่างคุณชายหวังมาเป็นพ่อแล้ว

ญาติทุกคนเหมือนจะไม่สนใจการมีอยู่ของหยางเฉิน หวังเจี้ยนที่ได้ยินคำพูดพวกนี้ ก็ยิ้มมากกว่าเดิม และไม่ลืมที่จะมองหยางเฉินอย่างยั่วโมโห

สีหน้าของฉินซีนั้นแย่มากจนถึงที่สุดแล้ว ถึงแม้เธอจะผิดหวังในตัวหยางเฉินมาก แต่เธอก็ไม่เคยตกลงจะแต่งกับหวังเจี้ยน

วันนี้เป็นวันเกิดของเสี้ยวเสี้ยว นายคงจะไม่ได้ไม่เตรียมของขวัญมาสักชิ้นหรอกใช่มั้ย

ในตอนนี้เองอยู่ๆฉินยีก็ถามขึ้นอย่างติดตลก ชั่วขณะเดียวทุกสายตาก็หันไปมองหยางเฉิน

มีแน่นอนหยางเฉินพูด

เมื่อได้ยินคำพูดของคุณพ่อ ใบหน้าเสี้ยวเสี้ยวเต็มไปด้วยความตั้งตารอคอย สำหรับเธอแล้ว ไม่ว่าของขวัญอะไรก็เทียบไม่ได้กับของขวัญจากคุณพ่อ

คุณแม่ฉินคิ้วขมวด หยางเฉินมามือเปล่า ถ้าหากเขาเตรียมของขวัญมาจริง จะเก็บไว้ตรงไหนได้

ทุกคนก็มีความคิดเดียวกัน

ในขณะที่ทุกสายตามองดู หยางเฉินเอาจี้ที่ใส่ไว้บนคอออกมา

พรึ่บ

ฉินยีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา พูดอย่างเกินจริงว่า หยางเฉิน นี่คือของขวัญที่นายเตรียมไว้ให้ลูกสาวแท้ๆ ก้อนหินที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน นี่คงไม่ได้เก็บมาจากข้างทางหรอกใช่มั้ย

หยางเฉินส่ายหน้า ตอบอย่างจริงใจว่า เก็บมาจากทะเลทรายโกบี

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนหัวเราะเสียงดัง

ฉินซีที่เมื่อกี้ก็ตั้งตารอดูหยางเฉิน ใบหน้าแสดงออกถึงความนิ่งเงียบ นี่คือวันเกิดครั้งแรกที่เขาอยู่กับลูกสาว แต่กลับให้แค่ก้อนหินที่เก็บมาแค่ชิ้นเดียว ที่สำคัญ ทั้งบ้านก็มีแต่ญาติ นี่เป็นการหักหน้าเธอชัดๆ

ไม่มีใครรู้ ก้อนหินก้อนนี้ที่เก็บมาจากทะเลทรายโกบีเคยช่วยให้เขารอดชีวิตจากการโจมตีหลายครั้ง รอยทุกรอยล้วนเป็นความทรงจำที่เคยผ่านมา

มีเพียงฉินเสี้ยวเสี้ยวที่เห็นสร้อยเส้นนี้แล้วชอบใจมาก เงยหน้าที่สวยงามขึ้น แล้วก็ยิ้มแย้ม ของขวัญของคุณพ่อ หนูชอบมากค่ะ คุณพ่อใส่ให้เสี้ยวเสี้ยวเร็ว

ใบหน้าหยางเฉินเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ค่อยๆใส่สร้อยเส้นนี้บนคอของลูกสาวอย่างระมัดระวัง

อย่าว่าเลย ก้อนหินที่เหมือนดั่งหยกก้อนนี้ ถึงแม้จะเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน แต่เมื่อใส่ไว้บนคอของเสี้ยวเสี้ยวกลับสวยงามมาก เหมือนกับว่าจงใจสั่งทำมาเพื่อสาวน้อยคนนี้

เพียงแต่ว่านี่เป็นสิ่งที่หยางเฉินให้ ไม่มีใครอยากยอมรับ ว่าก้อนหินก้อนนี้มีคุณค่า

ก็แค่ก้อนหินที่เก็บมา มีอะไรน่าดีใจ

คุณแม่ฉินใบหน้าไม่พอใจ แล้วก็มองไปที่ฉินซี รีบเอาสร้อยข้อมือที่คุณชายหวังให้มาใส่ให้เสี้ยวเสี้ยว จะได้ให้ใครบางคนรู้ถึงความแตกต่างของฟ้ากับดิน

ในขณะที่ยกยอหวังเจี้ยนก็ไม่ลืมที่จะเหยียบย่ำหยางเฉิน

แต่ว่าในตอนนี้เอง อยู่ๆหยางเฉินก็เอาสร้อยข้อมือที่เต็มไปด้วยอัญมณีโยนลงถังขยะอย่างไม่มองดูด้วยซ้ำ

การกระทำของเขา ทำให้ทุกคนเบิกตากว้าง เขาเอาสร้อยข้อมือมูลค่า 6 แสนทิ้ง

แกทำอะไร คุณแม่ฉินโมโหหนัก

หยางเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย สร้อยข้อมือเส้นนี้ ใส่ไว้นานแล้วไม่ดีต่อร่างกาย

แกตอแหล

หวังเจี้ยนที่นิ่งสงบมาตลอด เห็นหยางเฉินเอาสร้อยข้อมือทิ้งต่อหน้าทุกคน ก็โมโหขึ้นมาทันที ฉันเสียแรงมากขนาดนั้นถึงจะได้สร้อยข้อมือเส้นนี้มา เป็นสิ่งที่ขยะอย่างแกจะมาดูถูกได้ที่ไหนกัน

หยางเฉินมองดูหวังเจี้ยนนิ่งๆ ถามว่า นายบอกว่าสร้อยข้อมือที่เต็มไปด้วยอัญมณีเส้นนี้นายเสียเงินไป 6 แสน

หวังเจี้ยนพูดอย่างโมโห นายคิดว่ามันมีปัญหา

ถ้าหากนายเสียเงิน 6 แสนจริงๆ ฉันก็ทำได้แค่เพียงพูดว่า นายมันเป็นคนรวยที่โง่

หยางเฉินหัวเราะ ไม่ให้โอกาสหวังเจี้ยนเถียง ก็พูดต่อว่า ทับทิมคืออัญมณีที่หายากที่สุด หายากจนถึงขั้นที่ไม่มีราคาที่แน่นอน ในตลาดอัญมณีแทบจะไม่มีแม้แต่เงาของพวกมันปรากฏ มีเพียงแค่งานประมูลขึ้นชื่อบางงานถึงจะมีมาปรากฏตัว

ปี 1987 ในงานประมูลโซเธอบี้มีประมูลจำนวน 95% อยู่หนึ่งเม็ด ราคาอยู่ที่ 880,000 เหรียญ แสดงได้ว่าทุกๆกะรัตมีค่า 920,000 เหรียญ ถ้าเป็นเงินจิ่วโจว ก็จะราคาหกสิบกว่าล้าน

แต่สร้อยข้อมือเส้นนี้ของนาย อย่างน้อยก็น่าจะมี 1.5 กะรัตใช่มั้ย นายบอกฉันสิว่านายใช้เงิน 6 แสนซื้อสร้อยข้อมือทับทิมมาได้ยังไง

นี่ไม่ใช่ทับทิมแท้บริสุทธิ์ แต่เป็นอัญมณีธรรมดาที่ผ่านการฉายแสง อัญมณีแบบนี้ มีกัมมันตภาพรังสีที่รุนแรงมาก ถ้าใส่ระยะยาวจะทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายสูงมาก และสร้อยข้อมือนี้ที่ผ่านรังสีมาอย่างหนัก นายกลับมอบให้กับเด็กสาวอายุ 4 ขวบ มีเจตนาอะไรกันแน่

สายตาหยางเฉินแหลมคมมาก แล้วเล็งคำถามจี้ใจมาใส่ ทำให้หวังเจี้ยนพูดไม่ออก ทั้งห้องเงียบงันไร้เสียง ทุกสายตามองไปยังหวังเจี้ยน สายตาของฉินซีก็แปรเปลี่ยนเป็นมืดมน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*