ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ - ตอนที่ 349
คำพูดสุดท้ายของเหลียงซื่อทำให้จื่ออันตกใจ
ที่นางทำไปก็เพื่อปกป้องคนในครอบครัว แต่ซีเหมินเสี่ยวเยว่กลับตอบแทนนางด้วยความอำมหิตเลือดเย็น
หากนางตายด้วยเงื้อมมือของคนอื่น จื่ออันคงจะไม่ใจอ่อน แต่ว่าพอได้ยินประโยคนี้ นางก็นึกถึงเจ้าของร่างเดิมของเซี่ยจื่ออันขึ้นมาอย่างไร้คำอธิบาย
ในใจของเจ้าของร่างคนเดิมยังคงมีความเคียดแค้นหลงเหลืออยู่ ความแค้นและความเจ็บปวดนี้เกิดจากการที่ถูกคนที่นางรักอย่างผู้เป็นพ่อทำร้าย นางรอคอยจากก้นบึ้งของหัวใจมาโดยตลอด รอให้เขาหันกลับมามองดูนางสักครั้ง แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่นางรอคอยกลับกลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรง
ถูกคนที่รักทำร้าย มันร้ายแรงมากที่สุด
ดังนั้นจื่ออันจึงคลานลงจากผ้าไปอีกครั้ง มัดนางด้วยผ้าแพร เพื่อปกปิดความตั้งใจที่จะช่วยนาง จึงได้พาไก่สองตัวขึ้นไปด้วย
การดำเนินการช่วยเหลือเหลียงซื่อเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะว่าในเวลานั้นไฟโหมแรงมาก อีกนิดเดียวก็จะไหม้ผ้าแพรจนขาดแล้ว ช่วงเวลาสุดท้าย จื่ออันก็ได้ดึงตัวนางขึ้นมา เพื่อไม่ให้นางตกลงไปในทะเลเพลิง
แต่ว่าช่วงเวลาสุดท้ายนี้มันก็อันตรายเป็นอย่างมาก จื่ออันแทบจะยืนบนหลังคาไม่อยู่เพราะไม้สั่นคลอนมาก หากนางตกลงไปก็คงจะไม่รอดแล้ว
จุดนี้ จื่ออันไม่กล้าพูดออกมา แต่บุญคุณที่ช่วยชีวิตนี้ ทำให้เหลียงซื่อจดจำไว้ในใจเสมอ
จู่ ๆ ซูชิงก็นึกขึ้นมาได้ “เรือนหอนั่นเกิดเพลิงไหม้ได้อย่างไร?”
จื่ออันส่ายหัว “ข้าไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะเปลวเพลิงที่พัดไปตามลมกระมัง”
“พัดมาไกลขนาดนี้เชียวหรือ? เรือนหอกับเรือนด้านข้างอยู่ห่างกันนะ” ซูชิงรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้
“เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้แล้ว บางทีเจ้าสาวอาจจะหิวและไม่มีอะไรให้กิน ก็เลยทำอาหารอยู่ในห้อง ไม่ทันระวังเลยทำไฟติดเรือนหอ”
ซูชิงเข้าใจได้ในทันที จึงกล่าวถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “ท่านยังเดินไปวางเพลิงที่เรือนหอได้อย่างสบายใจเช่นนั้นหรือ? แล้วท่านหนีออกมานานหรือยัง? ท่านเห็นว่าพวกข้าที่ฝ่าเข้าไปช่วยท่านนั้นโง่เขลาใช่หรือไม่?”
มู่หรงเจี๋ยมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที เขาลุกขึ้นกล่าว “ซูชิง เซียวท่า สุรานี้พวกเราไม่ดื่มแล้ว รับไม่ได้ ที่นางคิดว่าพวกเราโง่!”
มู่หรงจ้วงจ้วงมองซูชิงด้วยสายตาที่ตำหนิเล็กน้อย “เจ้านี่ปากมากเสียจริง”
ดูเหมือนซูชิงก็โกรธมากเช่นกัน “แล้วมันไม่ใช่หรืออย่างไร? ตนเองหนีออกมาได้แล้ว ทำไมถึงไม่รีบเข้ามารายงานพวกเราว่าปลอดภัยแล้ว? ทำเหมือนพวกเราเป็นคนโง่ที่ฝ่าเข้าไปในกองเพลิงเพื่อหานางไปทั่ว แต่นางก็สบายดี ทั้งยังไปวางเพลิงใส่เจ้าสาวอีก สนุกมากใช่หรือไม่?”
“เซียวท่าเจ้าพูดอะไรบ้างสิ!” มู่หรงจ้วงจ้วงพูดออกมาพลางมองไปที่เซียวท่าอย่างขอความช่วยเหลือ
เซียวท่าพูด อ่อ อย่างมึนงง จากนั้นก็มองไปที่จื่ออัน “ท่านก็ทำไม่ถูกนะ ท่านอ๋องเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยท่าน แต่ท่านกลับซ่อนตัวอยู่ ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ? ท่านก็รู้นี่ว่าในกองเพลิงมันอันตรายเพียงใด? หลังคากำลังจะพังทลายลงมา หากไม่ใช่เพราะซูชิงดึงเขาออกมา เกรงว่าครั้งนี้เขาคงจะตายในทะเลเพลิงไปแล้ว”
“หุบปาก ออกไปซะ!” มู่หรงจ้วงจ้วงเหลือบมองเขาเล็กน้อย “ร้ายแรงขนาดนั้นเชียวหรือ? ก่อนที่เรือนจะถล่มลงมา พวกเจ้าก็ออกกันมาแล้วมิใช่หรือ? จะพูดมากทำไม?”
เซียวท่ามึนงงเล็กน้อย “กระหม่อมพูดอะไรก็ไม่ถูกใจใครสักคน องค์หญิงให้กระหม่อมพูดเองมิใช่หรือ?”
จื่ออันนึกไม่ถึงเลยว่ามู่หรงเจี๋ยจะฝ่าเข้าไปช่วยนางอย่างตื่นตระหนกเช่นนั้น ที่นางไม่เผยตัวออกมาเร็วนัก หนึ่งก็เพื่อปลอบให้เหลียงซื่อสงบ สองก็คืออยากให้บทเรียนแก่ซีเหมินเสี่ยวเยว่เล็กน้อย นางไม่เคยคิดเลยว่ามู่หรงเจี๋ยจะเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยนางเช่นนี้
จื่ออันเดินเข้าไปหามู่หรงเจี๋ยที่ใบหน้าบูดบึ้ง และพูดเบา ๆ “ท่านอ๋อง หม่อมฉันขอพูดคุยกับท่านเป็นการส่วนตัวจะได้หรือ?”
มู่หรงเจี๋ยกล่าวด้วยท่าทางที่เย็นชา “ยังอยากจะซ่อนตัวแล้วแอบหัวเราะข้าอยู่อีกไหม?”
ในดวงตาของจื่ออันเต็มไปด้วยคำขอโทษ “พูดไม่กี่คำเพคะ”
“ไม่มีอะไรต้องพูดอีกแล้ว” มู่หรงเจี๋ยจากไปด้วยท่าทางที่เย็นชา
จื่ออันร้อนใจรีบเข้าไปคว้าแขนเสื้อของเขา “อย่าไปนะเพคะ หม่อมฉันมีของจะให้ท่านดู”
“ก็ให้ดูซะที่นี่!” มู่หรงเจี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ