solo-novel - นิยาย pdf นิยายจีนแปลไทย โซโล่โนเวล อ่านนิยายฟรี
  • HOME
  • นิยาย pdf ล่าสุด
  • อ่านนิยายจีนแปลไทย
  • อ่านนิยายฟรี
  • นิยายจบแล้ว
Advanced
  • HOME
  • นิยาย pdf ล่าสุด
  • อ่านนิยายจีนแปลไทย
  • อ่านนิยายฟรี
  • นิยายจบแล้ว
Prev
Next

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 42

  1. Home
  2. ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด
  3. ตอนที่ 42
Prev
Next

หลังจากได้ยินคำพูดของพวกเขา ใบหน้าของเซ่าเซี่ยนก็ซีดลง

 

 

ตาแก่และตาโจวก็ดูตกใจเช่นกัน ใครจะคิดว่าชายที่เสนอค่าตอบแทนมากมายให้คนมารักษาลูกชายที่ป่วยนั้นจะเป็นต้นเหตุของอาการป่วย แถมลูกที่ว่ายังไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของตนเอง แต่นังหนูรู้ได้อย่างไรกัน

 

 

“ข่ายพลังร้อยผีถูกสร้างขึ้นโดยพลังด้านลบจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องการพลังงานลมปราณจำนวนมากเพื่อควบคุม หากได้รับผลกระทบแม้เพียงเล็กน้อย วิญญาณที่ถูกขังในนั้นจะหนีออกมาได้” อวิ๋นเจี่ยวอธิบายด้วยเสียงทุ้ม “ท่านเซ่าไม่เคยฝึกฝนมาก่อน พลังงานลมปราณต้องไม่เพียงพอเป็นแน่ หากต้องการรักษาข่ายพลังไว้ก็ต้องระมัดระวังในหลายเรื่อง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวเองต้องไม่ได้รับพลังด้านลบ และแน่นอนว่ามันยังรวมถึง…การไม่ใกล้ชิดกับผู้หญิงด้วย”

 

 

หากเซ่าเซี่ยนเกิดมากการทำเด็กหลอดแก้วก็คงเป็นไปไม่ได้

 

 

“ทั้งหมดนี้เขียนอยู่ในบทที่สามหน้าที่เจ็ดบรรทัดที่ห้าของตำรารวมร้อยผี” หลังจากพูดพบ นางหันหน้าและเหลือบมองตาแก่ ทั้งที่สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ดูเหมือนว่าบนนั้นจะเขียนว่า: ไม่มีอะไรทำหัดอ่านตำราบ้าง

 

 

ไป๋อวี้: “…”

 

 

ตาโจว: “…”

 

 

เจ็บที่หน้าอกอย่างไร้สาเหตุ

 

 

เซ่าเซี่ยนก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน ใบหน้าแสดงออกถึงความศรัทธาที่พังทลาย ราวกับว่าเขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่เขาได้ยิน แม้ว่าเขาจะรู้อยู่เสมอว่าท่านพ่อไม่ชอบเขามาก และท่านก็ไม่ค่อยปล่อยเขาออกไป ให้เขาอยู่แต่ในจวนเสมอ แม้แต่เขาจะไปเรียนที่สถานศึกษาก็ต้องขอร้องท่านเป็นเวลานานกว่าเขาจะตกลงอย่างไม่เต็มใจ แต่เขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะไม่ใช่ลูกของเขา

 

 

ท่านตั้งชื่อให้เขาว่า เซ่าเซี่ยน อุทิศ… เขาอุทิศให้ใคร?

 

 

เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดต่อ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเย็นชาไปทั้งตัว

 

 

ไป๋อวี้ถอนหายใจและอดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าและตบไหล่เขา “หากเจ้าต้องการไถ่บาปให้บิดาของเจ้า จงทำความดีมากกว่านี้”

 

 

พูดเสร็จ เห็นเขายังทำท่าทางคิดไม่ตกอยู่ แต่ก็ไม่ได้อยู่ต่อ หลังจากบอกลาตาโจวก็เดินทางกลับไปที่สำนักชิงหยาง

 

 

——————

 

 

ไป๋อวี้และอวิ๋นเจี่ยวตัดสินใจว่าจะไปสอบที่สำนักเทียนซือตอนต้นปี ดังนั้นหลังจากกลับถึงอาราม ไป๋วอี้ก็กระโจนตัวเข้าสู่การเตรียมสอบอย่างขยันขันแข็ง ตอนแรกไป๋อวี้ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะการทดสอบของสำนักเทียนซือแม้ว่าค่อนข้างจะยาก แต่ก็ยากตรงที่จัดอันดับ แต่หากเขาเพียงต้องการขึ้นทะเบียนเป็นเทียนซือระดับจักพรรดิขั้นที่หนึ่ง เขาเชื่อว่ายังไงเขาก็สามารถทำได้

 

 

ดังนั้นในตอนแรกเขาไม่ได้จริงจังกับมันมากนัก จนกระทั่ง… อวิ๋นเจี่ยวเพิ่มหนังสือบนชั้นวางหนังสือของเขาเป็นสองเท่า ร่างกายของไป๋อวี้รู้สึกไม่ค่อยสบายขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าชีวิตเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง อุตส่าห์รวบรวมความกล้าที่จะต่อต้าน แต่ก็ถูกคำพูดจากอีกฝ่ายหนึ่งระงับไว้ในทันที

 

 

“เทียนซือระดับจักรพรรดิขั้นที่ห้าถึงจะมีเงินเดือน ไม่อย่างนั้นก็รออดตายได้เลย ท่านคิดว่าเรายังมีเงินให้ผลาญกันอยู่หรือไม่” เหตุผลของอวิ๋นเจี่ยวนั้นสมเหตุสมผล

 

 

ไป๋อวี้จึงทำได้แต่หยิบตำราเล่มเล็กขึ้นมาอ่านทั้งน้ำตา รู้สึกว่าถูกคำว่า “จน” หลอกหลอนมาทั้งชีวิต หากรู้ว่าเมื่อกลับมาถึงจะเข้าสู่โหมดนรกเช่นนี้ สู้อยู่ไล่ผีที่จินอี้ต่อจะดีกว่า!

 

 

แม้ว่าผีร้ายจะดูน่ากลัวไปหน่อย แต่ทุกครั้งพวกเขาก็รอดมาได้ นอกจากนี้พวกมันยังมีท่านกระบอกไม้ไผ่…เอ่อ อาจารย์ปู่ที่คอยปกป้องพวกเขา เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องของตระกูลเซ่าขึ้นมา

 

 

เรื่องของเซ่าเซี่ยน ตาโจวได้กล่าวถึงหลายครั้งในจดหมายที่เขียนมา เมื่อเทียบกับผู้เป็นบิดา เขาถือว่าเป็นคนดีเลยทีเดียว แม้ว่าตอนนี้จะยังรับความจริงที่บิดาของเขารับเลี้ยงตนเองเพื่อเป็นเครื่องมือกันแรงแค้นไม่ได้ แต่สุดท้ายเขาเองก็ไม่ได้มีความคับแค้นใจในเรื่องนี้ อีกทั้งยังอยากเข้าร่วมเป็นศิษย์เสวียนเหมิน คิดที่จะใช้แรงของตน เพื่อที่จะไม่มีคนเหมือนบิดาของเขาอีก

 

 

อาจเป็นเพราะเขาเห็นความกล้าหาญของอวิ๋นเจี่ยวตอนที่ทำลายข่ายพลัง อีกฝ่ายจึงขอให้ตาโจวถามว่าเขาจะเข้าร่วมสำนักชิงหยางได้หรือไม่

 

 

ดวงตาของไป๋อวี้เป็นประกาย เห็นแก่ความมั่งคั่งของตระกูลเขา เขาและอวิ๋นเจี่ยวคิดแล้ว จึงตอบจดหมายกลับไป เพื่อเป็นการรักษาความขลังของสำนัก พวกเขาตอบกลับอย่างอ้อมค้อมว่า: สำนักชิงหยางจะรับศิษย์ที่มีคุณสมบัติสูง และต้องมีพรสวรรค์เท่านั้น ยิ่งกว่านั้นเส้นทางแห่งการฝึกฝนนั้นยากลำบาก และใช้เงินเป็นจำนวนมาก หากต้องการเข้าร่วมต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้านจิตใจและด้านการเงิน แน่นอนว่าสิ่งสำคัญคือด้านการเงิน

 

 

ผลก็คืออีกฝ่ายตอบด้วยความเข้าใจ แล้วกระจายทรัพย์สมบัติของเขาออกไป… ไปที่สำนักเทียนซือเพื่อฝึกฝน!

 

 

ไป๋อวี้: “…”

 

 

อวิ๋นเจี่ยว: “…”

 

 

“ยังไงก็เถอะ…พวกเราพูดอ้อมค้อมเกินไปหน่อยหรือเปล่า?”

 

 

“อืม อาจจะ”

 

 

ถ้ารู้เช่นนี้จะบอกเขาตามตรงว่าค่าเล่าเรียนเท่าไหร่ก็จบแล้ว

 

 

ไป๋อวี้ลูบกองหนังสือที่อยู่ข้างหน้า รู้สึกอยากร้องไห้เล็กน้อยแต่ไม่มีน้ำตา เดิมทีคิดว่าจะมีเพื่อนมาคอยช่วยเหลือและแบ่งปันหนังสือด้วยกัน แต่สุดท้ายคนมาถึงหน้าประตูแล้ว แต่กลับหันเดินหนีไป ทำให้ความหวังที่จะร่ำรวยของสำนักชิงหยางพังทลายลง

 

 

“อย่าลืมการทดสอบรายเดือนของอาจารย์ปู่ในวันพรุ่งนี้!” อวิ๋นเจี่ยวเตือนเขา

 

 

“…” เจ้าคือปีศาจหรือไง?

 

 

(;´༎ຶД༎ຶ`)

 

 

อยากจะร้องไห้!

 

 

อวิ๋นเจี่ยวหันหลังเดินไปที่สวนหลังบ้าน “ข้าจะไปดูที่ขอบหน้าต่างว่าวันนี้มีอะไรกินบ้าง”

 

 

ไป๋อวี้อึ้งไปครู่หนึ่ง และถามขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่า “วันนี้เจ้ายังไม่ไปหรือ”

 

 

“อืม” อวิ๋นเจี่ยวพยักหน้า

 

 

“นี่ส่งให้มาสามเดือนแล้ว ตกลงใครเป็นคนส่ง?” ไป๋อวี้สงสัยเล็กน้อย

 

 

“ไม่รู้”

 

 

อวิ๋นเจี่ยวก็รู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไมหลังจากกลับมาจากจินอี้ นางก็พบสิ่งแปลกๆ บนขอบหน้าต่างได้ทุกวัน บางครั้งก็เป็นผลไม้เล็กๆ น้อยๆ บางครั้งก็เป็นใบไม้ที่สดใส บางครั้งก็เป็นท่อนไม้แปลกๆ และบางทีก็เป็นซากกระต่าย

 

 

ตอนแรกคิดว่าตาแก่เป็นคนวางไว้ แต่เขาก็ยุ่งกับตำราที่เพิ่มมากขึ้น คงไม่มีเวลาดำเนินการประท้วงอย่างลับๆ ได้ มาถามในภายหลังถึงได้รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนวางของพวกนั้น แต่ในสำนักชิงหยางมีเพียงสามคนเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นอาจารย์ปู่

 

 

อวิ๋นเจี่ยวนึกถึงใครบางคนที่ชอบดื่มน้ำแกงกระต่ายมากกว่าใครๆ และได้ปฏิเสธคำตอบนี้อย่างมั่นใจ อาจารย์ปู่ของนางทำเป็นแต่กินเท่านั้น ไม่เคยคำนึงถึงเรื่องวัตถุดิบแม้แค่น้อย

 

 

แต่จะเป็นใครล่ะ? อวิ๋นเจี่ยวงงงวย แต่ไม่ว่านางจะคิดมากเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร ดังนั้นนางจึงตัดสินใจครั้งสำคัญด้วนการวางเมนูไว้บนขอบหน้าต่าง…

 

 

ตั้งแต่นั้นมา อาหารทั้งหมดในเมนูก็ปรากฏบนขอบหน้าต่างของนาง ประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับอารามอย่างยิ่ง

 

 

อวิ๋นเจี่ยวยังคงรู้สึกขอบคุณผู้เสียสละคนนี้มาก นางเดินอย่างรวดเร็วไปยังห้องของตน แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่วางอยู่บนขอบหน้าต่างในครั้งนี้ไม่ใช่วัตถุดิบที่เขียนไว้ในเมนู แต่เป็น… หมาป่าขนสีเทาที่กำลังจะตาย

 

 

อวิ๋นเจียว: “…”

 

 

ดูเหมือนหมาป่าจะเป็นสัตว์คุ้มครองหรือเปล่า มันกินไม่ได้

 

 

“อู้ววว~~~” ขณะที่ลังเลอยู่ ก็มีเสียงร้องเบาๆ จากด้านข้าง นางหันหน้าและพบว่ามีจิ้งจอกนั่งยองอยู่ข้างนาง ขนสีเหลืองของมันไม่มีความมันวาวอะไร อีกทั้งยังมีคราบเลือดติดอยู่บนขน แลยังสามารถเห็นรอยเย็บลางๆ ทั่วท้อง วิธีการเย็บนั้นคุ้นตาเป็นอย่างมาก

 

 

อืม ใช่ มันเป็นแบบที่นางใช้อยู่บ่อยๆ นี่คือ…จิ้งจอกที่กินของผิดเข้าไปมาก่อนหน้านี้?

 

 

“อู้ววว~~~” เมื่อเห็นนางนิ่งเฉย จิ้งจอกก็ร้องใส่นางอีกครั้ง หูของมันลู่ต่ำลง และดวงตามองตรงมาที่นาง ส่งสายตา…อ้อนวอนเล็กน้อย?

 

 

อวิ๋นเจี่ยวมองไปที่หมาป่าสีเทาแล้วมองไปที่จิ้งจอก นี่คือ… พาหมาป่ามารักษา? จิ้งจอกกับหมาป่ามีความสัมพันธ์ที่ดีเช่นนี้เมื่อใดกัน

Prev
Next

Comments for chapter "ตอนที่ 42"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

YOU MAY ALSO LIKE

rgerf
จอมอหังการผู้นี้คือ สามีข้า
11 มีนาคม 2023
ythgrsfd
The Devil’s Cage
19 ธันวาคม 2022
mnhdcd
Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี
26 ธันวาคม 2022
yhytgr
ผมเป็นภรรยาของสามีแห่งชาติ (Yaoi)
29 พฤศจิกายน 2022
ads

    © 2017 Madara Inc. All rights reserved