solo-novel - นิยาย pdf นิยายจีนแปลไทย โซโล่โนเวล อ่านนิยายฟรี
  • HOME
  • นิยาย pdf ล่าสุด
  • อ่านนิยายจีนแปลไทย
  • อ่านนิยายฟรี
  • นิยายจบแล้ว
Advanced
  • HOME
  • นิยาย pdf ล่าสุด
  • อ่านนิยายจีนแปลไทย
  • อ่านนิยายฟรี
  • นิยายจบแล้ว
Prev
Next

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด - ตอนที่ 32

  1. Home
  2. ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด
  3. ตอนที่ 32
Prev
Next

ชายแก่บอกว่าสหายคนนั้นชื่อตาโจว เป็นนักพรตพเนจร นักพรตพเนจรก็คือนักพรตที่ไม่มีสำนัก อาศัยพึ่งพาตัวเองในการค้นหาหนทางแห่งการเข้าสู่ทางเต๋า ตาโจวนั้นชำนาญทางด้านการทำนายดูดวง ทั้งสองคนรู้จักกันตอนที่ทำพิธีไล่ผีในครั้งหนึ่ง ตามที่ชายแก่เล่าการไล่ผีในครั้งนั้นอันตรายเป็นอย่างมาก ทั้งสองคนร่วมมือกันถึงจัดการได้สำเร็จ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หากตาโจวได้รับไหว้วานเรื่องที่ใหญ่หน่อยจะเรียกไป๋อวี้ไปช่วยเสมอ นานวันเข้าทั้งสองคนก็กลายเป็นเพื่อนซี้กันไปโดยปริยาย

 

 

อวิ๋นเจี่ยวยิ่งฟังยิ่งรู้สึกเหมือนทั้งสองคนนั้นเหมือนแนวร่วมหมอผีมากกว่า ความสามารถชายแก่ที่น้อยนิดนั้นยังไม่ถูกคนตีตาย ก็คงเป็นเพราะคนบนโลกใบนี้ใจดีเกินไป

 

 

สถานที่ที่พวกเขากำลังไปคือเมืองจินอี้ ต้องใช้เวลาเดินทางจากเขาขุยซานสามวัน เดิมชายแก่คิดจะเดินเท้าไปเพราะเวลามีมากอยู่ ไปกลับอย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสักหกเจ็ดวันแล้ว ขอแค่เพียงไม่ต้องเจอบททดสอบรายเดือน อู้ได้หนึ่งวัน

 

 

แต่ตอนนี้ผู้ร่วมเดินทางมีอาจารย์ปู่เพิ่มขึ้นมา ทำลายความคิดของเขาไปในพริบตา ทำให้รู้สึกว่าระยะทางมันช่างแสนไกล คิดในใจว่าไม่แน่ด้านล่างเขาจะมีรถวัวที่กำลังจะไปในเมืองพอดี อาจสามารถติดรถไปด้วยได้

 

 

อาจารย์ปู่กลับปฏิเสธความคิดของเขา พร้อมกับมอบสายตาที่มองคนปัญญาอ่อนไปให้หนึ่งที ยกมือขึ้นสะบัดวาดยันต์กลางอากาศ ทั้งสามคนจากเดิมที่ยืนอยู่หน้าอาราม ทันใดนั้นมาปรากฏตัวอยู่บนถนนเล็กแห่งหนึ่ง มองไปยังสุดทางของถนนเล็กสามารถมองเห็นเงาของประตูเข้าเมืองได้

 

 

“นี่…นี่คือยันต์พันลี้?” ไป๋อวี้ทำสีหน้าตกตะลึง ที่แท้บนโลกนี้ก็มียันต์พันลี้อยู่จริง นี่มันช่างสะดวกอะไรเช่นนี้ “ขอบคุณอาจารย์ปู่”

 

 

อวิ๋นเจี่ยวก็รู้สึกถึงความวิเศษของโลกใบนี้ การเดินทางของโลกใบนี้มันล้ำหน้าขนาดนี้เลยเหรอ

 

 

“ตาโจวอยู่ทางใต้ของเมือง พวกเรารีบเข้าเมืองกันเถอะ” ไป๋อวี้ชี้ไปที่สุดทางของถนน หันหลังเดินมุ่งหน้าไป เดินไปไม่กี่ก้าวพบว่าคนด้านหลังไม่ได้เดินตามมา

 

 

“อาจารย์ปู่?” เป็นอะไรไป?

 

 

“ไม่ไป!” เยี่ยยวนเงยหน้ามองไปยังประตูทางเข้าเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น

 

 

“ทำไมกัน” ไม่ใช่ว่าท่านเป็นคนจะมาเองหรอกเหรอ

 

 

เยี่ยยวนยิ่งขมวดคิ้วหนักเข้าไปใหญ่ มองไปทางศิษย์ซื่อบื้ออย่างเย็นชา ก่อนจะตอบ “คนเยอะไป” หากเจอหญิงสาวอีกจะทำอย่างไร

 

 

“ฮะ?” ไป๋อวี้งง คนเยอะแล้วทำไมกัน ที่นี่เป็นตัวเมืองคนก็ต้องเยอะอยู่แล้ว แต่พอคิดไปคิดมาถึงได้เข้าใจ อาจารย์ปู่เป็นเทพ ถึงแม้ว่าท่านไม่เคยรีบกลับไปบนสวรรค์เลย แต่เทพกับคนธรรมดาย่อมมีความแตกต่าง ไม่อยากให้คนมาเห็นเยอะก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่พวกเขาไม่เข้าเมืองก็ไม่ได้ “แล้วต้องทำยังไง”

 

 

“ข้าไม่สะดวกปรากฏตัว หาของที่มีพลังลมปราณมาให้ข้าเข้าไปอยู่ ถึงจะตามพวกเจ้าเข้าเมืองได้” เยี่ยยวนกล่าว

 

 

“ได้!” ไป๋อวี้พยักหน้ารับทันที ยอมเข้าไปก็พอแล้ว ทันใดนั้นเขาก็หยิบยันต์วิเศษใบหนึ่งออกมาจากด้านหน้า “อาจารย์ปู่ นี่เป็นยันต์วิเศษที่ข้าเตรียมมา เป็นยันต์ที่มีพลังลมปราณเข้มข้นที่สุด หรือไม่ท่านมาอยู่ในนี้ก่อน?”

 

 

เยี่ยยวนเหลือบมองยันต์วิเศษใบนั้น ก่อนที่สีหน้าจะบึ้งตึงลง ทั้งใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความรังเกียจ ใครอยากจะเข้าไปอยู่ในยันต์วิเศษขั้นต่ำเหม็นเน่านี่กัน! ค้อนไป๋อวี้ไปหนึ่งทีก่อนจะหันไปมองอวิ๋นเจี่ยว

 

 

ทันใดนั้นเขากลายร่างเป็นแสงสีขาวลอยไปทางอวิ๋นเจี่ยว และมุดเข้าไป…ในกระบอกไม้ไผ่ที่อยู่ในมือของนาง ใช่แล้วกระบอกไม้ไผ่ที่ใส่น้ำแกงไก่เอาไว้ ก่อนที่จะมีเสียงที่ลอยออกมาพร้อมกลิ่นอะไรบางอย่าง

 

 

“เอิ๊ก ไปได้แล้ว”

 

 

อวิ๋นเจี่ยว “…”

 

 

ไป๋อวี้ “…”

 

 

-_-|||

 

 

ไหนบอกว่าจะเข้าไปอยู่ในของที่มีพลังลมปราณไง กระบอกไม้ไผ่นั้นไม่ใช่เพิ่งตัดมาจากต้นก่อนออกเดินทางเหรอ นี่เป็นสิ่งที่ง่ายต่อการกินน้ำแกงแน่ ต้องใช่แน่ๆ !

 

 

…

 

 

ชายแก่พาอวิ๋นเจี่ยวเข้าไปในตัวเมือง เดินเลาะตามถนนไปเรื่อยก่อนจะหยุดลงอยู่หน้าบ้านที่ทำจากฟางหลังหนึ่ง “ถึงแล้ว”

 

 

อวิ๋นเจี่ยวมองบ้านที่มีสภาพทรุดโทรมด้านหน้า ดูท่าทางเพื่อนของชายแก่ก็ไม่ได้มีสภาพดีไปกว่ากัน ยิ่งดูยิ่งรู้สึกว่าทั้งสองคนนั้นเป็นแนวร่วมหมอผีเป็นแน่

 

 

ไป๋อวี้ยกมือขึ้นเคาะประตู ทันใดนั้นก็มีเสียงของชายคนหนึ่งลอยออกมาจากด้านใน “มาแล้ว! มาแล้ว!” ประตูส่งเสียงดังเอี๊ยดทีหนึ่งก่อนจะถูกเปิดออกจากด้านใน พร้อมกับร่างกำยำของชายคนหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราปรากฏขึ้น ถึงแม้ชายคนดังกล่าวจะใส่ชุดนักพรตอยู่ แต่กลับไม่รู้สึกถึงความเป็นนักพรตเลยสักนิด

 

 

“สหายโจว ไม่เจอกันเสียนาน สบายดีหรือไม่” ไป๋อวี้ทักทายอย่างยิ้มแย้ม

 

 

“พี่ไป๋!” ชายร่างใหญ่แววตาแวววาวขึ้นมา ก่อนจะมองไป๋อวี้ด้วยสายตาตะลึง “ทำไมท่านมาถึงเร็วเช่นนี้ ข้าคิดว่าท่านต้องอีกสองสามวันถึงจะถึง! ฮ่าๆ ๆ…ดีจริงๆ !” เขาหัวเราะเสียงดัง หนวดเคราบนใบหน้าก็ขยับไปตามการหัวเราะ โบกมือตบไปที่ไป๋อวี้เป็นการทักทาย

 

 

ไป๋อวี้ถูกตบจนแทบกระเด็นออกไป แต่เขาราวกับเคยชินกับการกระทำเช่นนี้ ทั้งสองคนเริ่มถามไถ่สารทุกข์สุขดิบขึ้นมา

 

 

ตาโจวดูท่าทางอายุไม่มากประมาณสี่สิบได้ แต่ไม่รู้ทำไมถึงเป็นเพื่อนกับชายแก่ได้

 

 

“มาๆ ๆ รีบเข้ามา” ตาโจวเดินหลบไปด้านหนึ่ง กำลังจะลากไป๋อวี้เข้าไป หันหน้าไปถึงได้พบอวิ๋นเจี่ยวที่ยืนอยู่ด้านข้าง ตะลึงไปพักหนึ่ง “หญิงสาวท่านนี้คือ?”

 

 

“นี่เป็นศิษย์ที่เพิ่งเข้าสำนักชิงหยาง ชื่ออวิ๋นเจี่ยว” ไป๋อวี้แนะนำ

 

 

ตาโจวกลับตะลึงมากขึ้น ดวงตาเบิกโพลง มองไปยังอวิ๋นเจี่ยวด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ ก่อนจะหันตัวกลับไปตบไป๋อวี้อีกที “ใช้ได้เลยนะ ตาไป๋ เก็บลูกศิษย์ได้คนหนึ่ง ดีเสียจริง!” ก็ที่ที่เขาอยู่มันห่างไกลเช่นนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะหาลูกศิษย์ได้

 

 

“ไม่ นางไม่ใช่ศิษย์ข้า” ไป๋อวี้ปฏิเสธ

 

 

“ฮะ?” ตาโจวเกิดความฉงน “ไม่ใช่ศิษย์เจ้าคืออะไร” ชิงหยางไม่ได้สืบทอดกันรุ่นต่อรุ่นเหรอ

 

 

“เอ่อ…” ไป๋อวี้นิ่งไป มองไปยังอวิ๋นเจี่ยว จริงสิ สรุปแล้วอวิ๋นเจี่ยวเป็นศิษย์รุ่นไหนกัน คำถามนี้เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อน ตอนนั้นเพียงแค่คิดว่าหลอกคนให้เข้าสำนักชิงหยาง แต่ไม่เคยพูดเรื่องการรับศิษย์เลย อีกทั้งต่อมาคนที่ถ่ายทอดวิชาการรักษาก็เป็นอาจารย์ปู่ไม่มีเรื่องของเขาเลย

 

 

แต่ก่อนไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ ตอนนี้…

 

 

เขานึกถึงตำราที่วางเต็มชั้นวางในอาราม อย่าว่าแต่รับนางเป็นศิษย์เลย ตอนนี้เขาอยากจะเรียกนางว่าอาจารย์เสียด้วยซ้ำ

 

 

ตาโจวกลับไม่รับรู้ถึงความสับสนของไป๋อวี้ เขาเชิญทั้งสองคนเข้าบ้านไป จากนั้นเชิญทั้งสองคนให้นั่งลง ก่อนที่จะอธิบายสถานการณ์

 

 

“ตาไป๋เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้ายังเกรงว่าเจ้าจะมาไม่ทัน” เขารินน้ำชาให้ทั้งสองคน ก่อนจะเล่าถึงสถานการณ์อย่างละเอียด

 

 

ที่แท้ครั้งนี้พิธีขจัดสิ่งชั่วร้ายจะทำขึ้นที่บ้านของเศรษฐีใหญ่ในเมือง…จวนตระกูลเซ่า ท่านเซ่าเป็นพ่อค้าขายเสบียงในตัวเมือง พื้นนาตระกูลเซ่ามีกว่าครึ่งค่อนเมืองจินอี้ ท่านเซ่ามีลูกชายเพียงคนเดียว อีกทั้งยังมีความรู้ความสามารถที่โดดเด่นตั้งแต่เล็ก นับว่ามีชื่อเสียงอย่างยิ่งทั้งในเมืองจินอี้และเมืองจวินเอี้ย

 

 

ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ไปเข้าร่วมชมรมแต่งกลอนกลับมาก็เป็นโรคประหลาดขึ้นมา เชิญหมอทั่วทั้งเมืองมาดูอาการแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นหนักกว่าเดิม ต่อมาถึงได้รู้ว่าที่แท้ลูกของเขาโดนสิ่งชั่วร้ายรังควานอยู่ ท่านเซ่าจึงประกาศหานักพรตมาขับไล่ผี โดยมีเงินรางวัลเป็นทองเหลืองร้อยตำลึง

 

 

ตาโจวนึกขึ้นได้ว่าไป๋อวี้ชำนาญในการขับไล่ผีจึงได้ส่งจดหมายเรียกเขามา

 

 

ไป๋อวี้ได้ยินว่าเป็นลูกชายที่ล้มป่วยลง พลันนึกไปถึงแม่ลูกตระกูลหลี่และผีแม่ซู่เหนียงขึ้นมา ร่างกายสั่นอย่างอดไม่ไหว คงไม่บังเอิญว่าเป็นผีร้ายมาตามล้างแค้นอีกหรอกมั้ง

Prev
Next

Comments for chapter "ตอนที่ 32"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

YOU MAY ALSO LIKE

jhgbdvf
ลิขิตข้ามปรภพ
11 มีนาคม 2023
etdgeyrtf
เรียกข้าว่าคุณหนูอันดับหนึ่ง
28 พฤศจิกายน 2022
rfca
Rebirth of the Film Emperor’s Beloved Wife
22 ธันวาคม 2022
yh5egtr
หวนแค้นชะตารัก
27 ธันวาคม 2022
ads

    © 2017 Madara Inc. All rights reserved